fbpx

ทำอย่างไรเมื่อลูกไม่ยอมนอน

Writer : giftoun
: 7 สิงหาคม 2561

การนอนหลับให้เพียงพอถือว่าสำคัญสำหรับลูกเป็นอย่างมาก แต่เมื่อลูกงอแงไม่ยอมนอนเสียอย่างนั้น คุณแม่อย่างเราจะทำได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

ปิดไฟเมื่อถึงเวลานอน

ควรปิดไฟเมื่อถึงเวลานอน บรรยากาศในห้องนอนต้องไฟสลัว หรือมืด ยิ่งเปิดไฟจ้ามากเท่าไหร่ ลูกก็จะนอนยากมากขึ้นเท่านั้น ก่อนนอนให้คุณแม่ปรับแสงไฟในห้องให้สลัวลง อาจยังไม่ต้องถึงกับมืดจัดก็ได้เพราะเด็กบางคนอาจผวาเวลาอยู่ในความมืดในขณะที่ยังไม่หลับดีค่ะ

ไม่เปิดทีวีทิ้งไว้

บรรยากาศของห้องนอนนอกจากไฟจะสลัวๆ แล้ว ควรจะไม่มีเสียงเลยจะดีที่สุด รีบปิดทีวีทุกครั้งก่อนที่จะส่งลูกเข้านอน จะทำให้ลูกเข้านอนได้ง่ายขึ้นค่ะ

ไม่เล่นกับลูกตอนใกล้นอน

คุณแม่บางคนทำงานมาก กลับบ้านดึก มาถึงก็เลยพยายามเล่นกับลูกการเล่น แต่ถ้าเล่นใกล้เวลาเข้านอนมาก หรือเล่นจนลูกสนุกตื่นเต้นมากเกินไป อาจมีผลต่อการนอนหลับได้ ดังนั้นควรงดการเล่นกับลูกเมื่อใกล้เวลานอนค่ะ

อ่านนิทานให้ฟัง

บางทีคุณแม่อาจจะชวนเล่นจนลูกไม่ยอมนอนก็เป็นได้ ลองเปลื่ยนกิจกรรมเป็นอ่านนิทานให้ฟังสบายๆ ชวนพูดคุยให้เคลิ้มหลับไปจะดีกว่าค่ะ

เปิดเพลงช้าๆ กล่อมนอน

สาเหตุที่ทำให้ลูกไม่ยอมนอนอาจจะเพราะร่างกายไม่ผ่อนคลาย ยังตื่นตัวอยู่ ลองเปิดเพลงแนว Lullaby (เพลงกล่อม) หรือเพลงจังหวะช้าๆ ก็น่าจะช่วยให้คลื่นสมองของลูกพร้อมจะนอนมากขึ้นค่ะ

นอนและตบก้นให้หลับต่อ

ลูกตอนกอายุ 1-3 เดือนจะยังไม่ค่อยจดจำ เพราะยังเล็กมาก ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คุณแม่และคุณลูกยังต้องปรับตัวเข้าหากัน เวลาที่ลูกร้องไห้โยเยเพราะไม่ยอมนอน คุณแม่อาจใช้วิธีตบก้นเบาๆ กอดเขาในอ้อมกอด หรือนอนข้างๆ ลูกได้ แต่หลังจากที่ลูกอายุมากกว่านี้ไม่แนะนำให้ใช้วิธีเดิมๆ เพราะเด็กจะเริ่มจดจำและเข้าใจว่าก่อนนอนในทุกครั้งจะต้องมีคนอยู่ใกล้ชิดเขาเสมอค่ะ

ให้ลูกหลับบนเบาะหรือเตียงเสมอ

ไม่ควรอุ้มเดินให้ลูกหลับคาอกแล้วค่อยวางบนเบาะ ไม่เช่นนั้นวันหลังก็ต้องทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ คุณแม่บางคนอาจปวดหลังไปเลยก็เป็นได้ เพราะลูกโตขึ้น ก็หนักมากขึ้นเรื่อยๆ ลองฝึกให้ลูกหลับบนเบาะหรือเตียงเสมอจะดีที่สุดค่ะ

ปรับอากาศให้เย็นสบาย

อากาศมีผลกับการนอนเป็นอย่างมาก ยิ่งเย็นจะยิ่งหลับง่าย ปรับอากาศให้เย็นสบายก่อนนอนจะทำให้ลูกหลับได้สบายยิ่งขึ้นค่ะ

และทั้งหมดนี้เป็นเคล็ดลับง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสมค่ะ การนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรใส่ใจเพราะมีผลต่อทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจลูกด้วยค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ลูกเบื่ออาหาร!!  พ่อเเม่ต้องทำอย่างไร
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
31 มกราคม 2561
รวมวิธีสอนลูกประหยัดพลังงานแบบง่ายๆ
กิจกรรมของครอบครัว
อยากพาลูกไปกางเต้นท์ เตรียมตัวอย่างไรดี
กิจกรรมของครอบครัว
วิธีช่วยให้ลูกมีนิสัยรักการอ่าน
กิจกรรมของครอบครัว
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save