fbpx

ไขข้อสงสัย ควรพาลูกไปฉีดวัคซีนไหมในช่วงที่มีโรคระบาด

Writer : Lalimay
: 26 มกราคม 2564

ในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ส่งผลให้ทุกคนเกิดความไม่สบายใจโดยเฉพาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูก ส้งผลให้ไม่อยากจะพาลูกออกไปที่ไหน เพราะไม่รู้เลยว่าจะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน แต่ถ้าถึงเวลาที่หมอนัดให้ลูกไปฉีดวัคซีน ก็อาจมีข้อสงสัยว่าจำเป็นแค่ไหนที่ต้องพาตัวเองและลูกออกไปโรงพยาบาล วันนี้เราจึงมีข้อมูลในการพาลูกไปฉีดวัคซีนในสถานการณ์โรคระบาดมาฝากค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่คุณพ่อคุณแม่นะคะ

วัคซีนที่ต้องฉีดตรงตามกำหนด

  • วัคซีนสำหรับทารกแรกเกิด ได้แก่ วัคซีนบีซีจี และวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี
  • วัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อภายหลังสัมผัสโรค เช่น โรคพิษสุนัขบ้า โรคบาดทะยัก โรคหัด โรคอีสุกอีใส

 

วัคซีนที่เลื่อนออกได้ไม่เกิน 1-2 สัปดาห์

เด็กที่อายุไม่เกิน 2-2.5 ปีต้องไปฉีดวัคซีนชุดแรก (Primary Series) เหล่านี้ ถ้าเด็กไม่ได้รับวัคซีนจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี เพราะโรคเหล่านี้จะมีอาการรุนแรงในเด็กเล็ก

  • วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี : 3 เข็มแรก
  • วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน : เป็นวัคซีนรวมเข็มกับฮิบ (HIB) และไวรัสตับอักเสบบี 3 เข็มแรก
  • วัคซีนโปลิโอ : ชนิดหยอดและฉีด
  • วัคซีนนิวโมคอกคัส : ชนิดคอนจูเกต
  • วัคซีนโรต้า : ชนิดหยอด
  • วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี
  • วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม
  • วัคซีนไข้หวัดใหญ่

 

วัคซีนที่เลื่อนออกได้ 2-4 สัปดาห์

  • วัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน และโปลิโอ : ครั้งที่ 4 ตอนอายุ 1.5 ปี และครั้งที่ 5 ตอนอายุ 4 ปั
  • วัคซีนนิวโมคอกคัส : ชนิดคอนจูเกต ครั้งที่ 3 หรือ 4 เป็นเข็มกระตุ้นตอนอายุ 12-15 เดือน
  • วัคซีนไวรัสตับอักเสบเอ : ชนิดเชื้อไม่มีชีวิต เข็มที่ 2 สามารถให้ห่างจากเข็มแรก 6-12 เดือน
  • วัคซีนอีสุกอีใส : เข็มที่ 1 ให้ตอนอายุ 12-18 เดือน และเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 3 เดือน ให้ตอนอายุ 2-4 ปี

 

วัคซีนที่เลื่อนออกไปได้มากกว่า 1 เดือน

วัคซีนที่ให้ในเด็กโตและวัยรุ่นสามารถเลื่อนออกไปได้หรือรอจนสถานการณ์การระบาดสงบลง

  • วัคซีน HPV (ป้องกันมะเร็งปากมดลูก) : เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9-26 ปี
  • วัคซีนคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน : ชนิดไร้เซลล์ที่เป็นเข็มกระตุ้น สำหรับเด็กอายุ 11-12 ปี

 

ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องพาลูกไปฉีดวัคซีน

ในเด็กเล็กไม่แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัย แต่ให้อุ้มลูกเข้าหาตัว ให้ใบหน้าของลูกซุกอยู่ตรงอกเรา แล้วใช้ผ้าคลุมไว้ หรือให้ลูกนั่งรถเข็นที่มีผ้าคลุมก็จะช่วยได้ในระดับนึงค่ะ

ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ไม่ควรจับหน้ากาก และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนที่จะอุ้มลูก ถ้าต้องขึ้นลิฟต์ให้ฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ก่อนแล้วใช้ข้อศอกหรือสิ่งของอื่นๆ กดลิฟต์แทน

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.idthai.org/Contents/Views/?d=3n8U!67!1!!660!JTpCKlOW

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save