fbpx

ลูกกินข้าวยากขั้นเทพ คุณแม่จะรับมืออย่างไรดี ?

Writer : giftoun
: 15 สิงหาคม 2560

ลูกที่อยู่ในวัยเรียนรู้ ซุกซน ชอบวิ่งเล่น จนบางทีจะเรียกกินข้าวทีนี่ยากมาก ขนาดจับนั่งโต๊ะกินข้าวแล้ว กินไปคำสองคำเสร็จก็หนีไปวิ่งเล่นต่ออีก อย่างนี้คุณแม่จะรับมืออย่างไรได้บ้าง

กินข้าวพร้อมหน้ากันทั้งบ้าน

การได้กินข้าวพร้อมกันทั้งบ้านนอกจากจะสร้างความอบอุ่นให้กับครอบครัวแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าจะทำให้ลูกน้อยอยากกินข้าวมากขึ้น เพราะลูกนั้นอยู่ในวัยที่ชอบเลียนแบบพฤติกรรมผู้ใหญ่ พอเห็นใครกำลังกินข้าว ก็จะอยากกินตามบ้าง อาจจะผลัดกันป้อนลูกบ้าง เป็นการสร้างบรรยากาศในการกินข้าวที่น่ารักไปอีกแบบ

ที่มาภาพ – Opal Panisara Official

ใช้เวลาในการป้อนลูกสักนิด

การที่ลูกปฏิเสธการป้อนคำแรกใช่ว่าคุณแม่จะต้องท้อแท้เสมอไป คุณแม่ควรให้เวลาในการป้อนข้าวซักนิด เตรียมลูกให้พร้อมก่อนจะป้อนอาหารรสชาติใหม่ ๆ ลองฝึกให้ลูกคุ้นชินกับอาหารวันละนิดจนคุ้นเคยกับอาหารแล้วจะทำให้ลูกกินอาหารได้ง่ายขึ้น

โฟกัสไปที่การกินของลูก

ถ้าอยากให้ลูกกินข้าวง่าย ๆ ควรให้ลูกโฟกัสไปที่การกินข้าวโดยการปิดโทรทัศน์ เก็บของเล่น งดกิจกรรมทุกอย่าง แล้วมานั่งโต๊ะกินเป็นกิจจะลักษณะ เป็นที่เฉพาะในการกินข้าว จะทำให้ลูกกินข้าวได้ง่ายขึ้น

ที่มาภาพ – น้องวชิ Wachi

ลองจับจังหวะการกินของลูก

เพราะว่าเด็กแต่ละคนมีจังหวะการกินข้าวที่แตกต่างกัน เด็กบางคนอาจจะกินสองคำพักหนึ่งนาทีหรือสองนาทีกินข้าวหนึ่งคำ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ลองจับจังหวะการป้อนข้าวลูกให้ดี ๆ จะได้ไม่กดดันให้ลูกกินข้าวจนเกินไป

ที่มาภาพ – Ple Nakorn

ชมเมื่อลูกกินข้าวสำเร็จ

ใคร ๆ ก็ชอบคำชมทั้งนั้น ลูกน้อยของคุณแม่ก็เหมือนกัน ถ้าเกิดว่าลูกยอมกินผัก กินข้าวได้รวดเร็วขึ้น หรือทำสิ่งที่แปลกใหม่เกี่ยวกับการกิน ลองชมลูกเสียหน่อย รับรองว่าลูกจะรู้สึกดีกับการกินข้าวในครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

ที่มาภาพ – Opal Panisara Official

มีมื้ออาหารพิเศษบ้างในบางที

บางโอกาสที่พิเศษนั้น คุณแม่อาจจะลองทำอาหารเมนูใหม่ ๆ มาให้ลูกน้อยกินบ้างก็ทำให้ลูกตื่นเต้นและสนุกกับการกินมากขึ้น รวมถึงการใช้จานชามใหม่ ๆ ก็ทำให้ลูกรู้สึกดีเช่นกัน

มีข้อแลกเปลี่ยนบ้าง

ถ้าเกิดอยากจะให้ลูกกินอะไรที่มีประโยชน์ แต่ลูกไม่ค่อยอยากกินเท่าไหร่ ลองสร้างข้อแลกเปลี่ยนกับลูกดู เช่น ถ้ากินผักจานนี้หมดจะให้กินช็อกโกแลตหนึ่งชิ้น ถ้าดื่มนมหมดแก้วจะให้ไปเล่นของเล่นต่อได้ เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ลูกกินได้ง่ายขึ้น

ที่มาภาพ – น้องมะลิ fanclub

กำหนดเวลากินให้ชัดเจน

เพราะเด็ก ๆ มักจะมีสมาธิค่อนข้างสั้น ไม่ได้จดจ่อจะกินข้าวมาก ยังห่วงเล่นอยู่ คุณแม่จึงควรกำหนดเวลากินข้าวให้ชัดเจน นอกจากจะทำให้ลูกไม่เบื่อในการกินข้าวแล้ว ยังสร้างวินัยในการกินของลูกด้วยเวลาที่กำหนดไว้ชัดเจนอีกด้วย

ที่มาภาพ – Opal Panisara Official

ปล่อยให้การกินเป็นไปอย่างธรรมชาติ อิ่มก็คืออิ่ม !

ข้อนี้อาจจะขัดกับความรู้สึกคุณแม่นิดนึง กลัวว่าลูกจะได้สารอาหารไม่ครบ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าลูกกินอิ่มแล้วก็ควรจบการกินแต่เพียงเท่านี้ อย่าคะยั้นคะยอให้ลูกกินต่อเลยจะฝืนใจลูกเปล่า ๆ และอาจสร้างความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับการกินให้ลูกโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ที่มา – parent.guide

 

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



6 สถานที่ที่เหมาะพาลูกไปปั่นจักรยาน
กิจกรรมของครอบครัว
กิจกรรมช่วงปิดเทอมสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
วิธีช่วยให้ลูกมีนิสัยรักการอ่าน
กิจกรรมของครอบครัว
20 คำที่ไม่ควรพูดกับลูก
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save