fbpx

คาบเรียนออนไลน์ vs พ่อแม่สายซัพฯ สารพัดเทคนิคพาเด็กเล็กเรียนออนไลน์ให้ได้ผล!

Writer : Phitchakon
: 14 กรกฏาคม 2565

เบาใจกันไปได้สักพักก็กลับมาระบาดหนักจนน่าหวั่นใจอีกแล้ว โควิดตัวร้ายเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยจริงๆ เปิดเทอมไปได้ไม่เท่าไรก็เห็นข่าวเด็กนักเรียนเจ็บป่วยไม่เว้นแต่ละวัน ทำให้หลายโรงเรียนต้องปรับจากการเรียนรูปแบบออนไซต์กลับมาเป็นออนไลน์เพื่อความปลอดภัย งานนี้ถึงคราวคุณพ่อคุณแม่สายซัพพอร์ตทุกท่านต้องลุกขึ้นมายืนเคียงข้างเจ้าตัวเล็กอีกครั้ง และจับมือพาลูกก้าวข้ามผ่านวิกฤติการเรียนรู้ไปให้ได้!

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังกุมขมับปวดหัวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น วันนี้ Parents One ขอแชร์สารพัดเทคนิคที่จะช่วยส่งเสริมการเรียนออนไลน์ของลูกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น มาดูกันเลยค่ะว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง และขอส่งกำลังใจให้ทุกบ้านผ่านพ้นสถานการณ์ช่วงนี้ไปได้ด้วยดีนะคะ

เตรียมตัวก่อนเข้าเรียน  

พูดคุยเสริมความเข้าใจ :

ก่อนลูกจะเริ่มเรียนควรมีการพูดคุยสร้างความเข้าใจกันก่อน อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าทำไมต้องเรียนอยู่บ้าน และย้ำว่า ถึงจะอยู่บ้านแต่วันนี้เป็นวันเรียนเหมือนอย่างที่หนูไปโรงเรียนตามปกตินะ หลายครั้งเราหลงลืมที่จะพูดคุยกับลูกเพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็น บอกไปก็ไม่เข้าใจ แต่การสื่อสารให้ลูกเข้าใจเหตุและผลเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กตั้งใจและใส่ใจกับการเรียนมากขึ้นค่ะ 

จัดตารางกิจวัตรประจำวัน :

จัดตารางกิจวัตรประจำวันให้สอดคล้องกับที่โรงเรียน พาลูกตื่นเป็นเวลา กินข้าวเป็นเวลา พักผ่อนเป็นเวลา ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าการเรียนอยู่ที่บ้านสบาย อยากทำอะไรตอนไหนก็ได้ เมื่อลูกต้องกลับไปโรงเรียนตามปกติ จะไม่มีอาการงอแง อิดออด เพราะมีการเตรียมความพร้อมให้ใช้ชีวิตแบบนี้จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้วนั่นเอง ต่อให้มีการเปลี่ยนแปลงอีกกี่ครั้งก็จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก  

เตรียมอุปกรณ์ สร้างบรรยากาศน่าเรียน :

ดูตารางเรียนสิว่าวันนี้ลูกเรียนอะไรตอนไหนบ้าง เพื่อเตรียมอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็น และจัดเตรียมสถานที่เรียนให้เหมาะสม เอื้อต่อการเรียนรู้ ที่สำคัญ อย่าลืมตรวจสอบความพร้อมของสถานที่และอุปกรณ์ด้วยนะคะ  

ความพร้อมของสถานที่ :

  • แสงสว่างเพียงพอ
  • อากาศถ่ายเทสะดวก
  • ที่นั่งสบายไม่เมื่อย  

ความพร้อมของอุปกรณ์ :

  • แบตเตอรี่เพียงพอ
  • ลำโพง/ไมโครโฟนสามารถใช้ได้ 
  • ความสว่างหน้าจอเหมาะสม
  • สัญญาณอินเทอร์เน็ตเสถียร  

 ระหว่างเรียน 

รับหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวคนเก่ง :

ขณะที่เรียน พ่อแม่ควรคอยอยู่ใกล้ๆ เป็นผู้ช่วยที่คอยขจัดอุปสรรค ให้ความช่วยเหลือทุกเมื่อที่ลูกต้องการ เพื่อให้การเรียนรู้ของลูกต่อเนื่องไม่มีสะดุด  

Do สิ่งที่ควรทำเมื่อลูกเรียนออนไลน์ :

  • ช่วยดูแลอุปกรณ์เชื่อมต่อ
  • ช่วยเปิด-ปิดกล้อง ปรับเสียงไมโครโฟน
  • ตั้งใจเรียนไปพร้อมกับลูก 
  • ช่วยคุณครูสื่อสารเมื่อจำเป็น
  • ให้กำลังใจในการตอบคำถาม
  • กล่าวคำชมเชย 

Don’t สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อลูกเรียนออนไลน์ :

  • ตอบคำถามแทนลูกไปเสียหมด 
  • เปิดไมโครโฟนพูดคุยรบกวนขณะที่คุณครูสอน
  • ตะคอก ดุด่า
  • คะยั้นคะยอให้มีส่วนร่วมมากเกินไป  

หมั่นสังเกตอารมณ์ของลูก :

คอยดูว่าขณะที่เรียนลูกมีอาการอย่างไร มีความสุข ตั้งใจเรียนดี หรือเริ่มงอแง ง่วงนอน ไม่อยากเรียนแล้ว ทางที่ดีควรพยายามรักษาความสนุกตื่นเต้นเอาไว้ งัดสกิลพ่อแม่สายเอนเตอร์เทนขึ้นมา คอยสร้างพลังบวก หรืออาจมีการให้รางวัล ให้ขนมเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้กระตือรือร้นมากขึ้นก็ได้  

เหนื่อยนัก ให้ลูกพักหน่อย :

แม้แต่ผู้ใหญ่อย่างเราๆ ยังเหนื่อยล้าอ่อนใจกับการนั่งหน้าจอนานๆ นับประสาอะไรกับเจ้าตัวเล็กวัยกำลังเรียน กำลังเล่นที่ตามปกติยามไปโรงเรียนจะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ปลดปล่อยพลังผ่านการเล่นอย่างเต็มที่ ถ้าลูกเริ่มมีอาการอ่อนล้า ไม่อยากจะเรียนแล้วจริงๆ ไม่ควรบังคับให้นั่งอยู่กับหน้าจอตลอด ให้เวลาพักผ่อนสักหน่อย เข้าห้องน้ำ ดื่มน้ำ ออกไปวิ่งเล่นบ้าง ตามแต่ตกลงเวลากัน อาจจะเป็นช่วงระหว่างผลัดเปลี่ยนคาบก็ได้ แล้วค่อยกลับมาเรียนต่อ จะเป็นผลดีมากกว่าบังคับจนเกิดความรู้สึกแย่ๆ ไม่อยากจะเรียนอีก  

จบคาบเรียน  

ชวนพูดคุยหลังเลิกเรียน :

ข้อดีอย่างหนึ่งของการเรียนออนไลน์ คือเราได้รู้ว่าวันนี้ลูกเรียนอะไรบ้าง หลังจากจบคาบควรชวนลูกพูดคุยเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนไปเพื่อเป็นการทบทวน และตรวจสอบความเข้าใจของลูกในแต่ละวัน คอยตรวจเช็กการบ้าน หรือตามงานที่ต้องส่ง รวมถึงการสอบถามความรู้สึกจากการเรียน ความกังวล ความเครียดของลูกเพื่อปรึกษากับครู และหาวิธีแก้ปัญหาไปพร้อมๆ กัน  

กล่าวคำชมเชย ให้กำลังใจ : 

เมื่อเรียนออนไลน์ เด็กๆ ต้องใช้สมาธิมากกว่าปกติ พยายามมากกว่าที่เคยพยายาม สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดคือกำลังใจจากคุณพ่อคุณแม่ผู้เป็นที่รัก ไม่ว่าจะตื่นนอนตรงเวลา ลุกไปแต่งตัวไม่มีอิดออด เก็บอุปกรณ์การเรียนเข้าที่ สามารถตอบคำถามในชั้นเรียนได้ จะเป็นเรื่องกิจวัตรประจำวัน หรือการเรียนในวันนั้นๆ เล็กน้อยยิ่งใหญ่แค่ไหนก็สามารถเอ่ยคำชมเชยได้เลย เติมแรงใจให้กับลูกรัก และเพิ่มเติมความสุขให้กับทุกคนในครอบครัวไปพร้อมๆ กัน 

ความจริงแล้ว การเรียนออนไลน์ไม่เหมาะกับเด็กเล็กเอาเสียเลย ด้วยธรรมชาติของเขาที่ยังคงเรียนรู้ผ่านการเล่นสนุก พบปะผู้คนเพื่อเพิ่มพูนประสบการณ์ และมีทักษะมากมายหลากหลายที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ผ่านการเรียนออนไลน์อย่างเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ลูกจะเข้าใจทุกอย่างผ่านการเรียนออนไลน์ได้ทั้งหมด มาลดความคาดหวัง และเพิ่มเติมความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อที่อย่างน้อยๆ ลูกจะยังคงมีความสุข มีหัวใจเบิกบานไปจนกระทั่งวันที่ได้สะพายกระเป๋า แบกเป้กลับไปที่โรงเรียนอีกครั้งนะคะ 

แบ่งปันเทคนิคดีๆ โดย พี่กิ๊ฟ คุณแม่น้องอาโปและน้องอาญ่า
Writer Profile : Phitchakon

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save