fbpx

ควรให้ค่าขนมลูกกี่บาทดี ถึงจะพอดีกับความต้องการลูก

Writer : giftoun
: 20 ธันวาคม 2560

 

ปัญหาโลกแตกอีกปัญหาหนึ่งที่เชื่อว่าคุณแม่ที่มีลูกวัยเข้าโรงเรียนคงต้องปวดหัวเป็นแน่แท้ก็คือจะให้เงินลูกไปโรงเรียนเท่าไหร่ดี ขอบอกว่าขึ้นอยู่หลายปัจจัยด้วยกัน ดังนี้

จำเป็นต้องใช้เงินหรือไม่

เพราะบางโรงเรียนลูกน้อยอาจไม่จำเป็นต้องใช้เงินเลยก็ได้ ส่วนมากโรงเรียนอนุบาลจะมีของว่างให้กินอยู่แล้ว บางที่ไม่มีร้านซื้อของเลยด้วยซ้ำ ถ้ากรณีนี้ไม่ต้องพกเงินเลยก็ได้ อาจจะดูฐานะของคุณแม่และคุณพ่อประกอบด้วยค่ะ

ดูชีวิตประจำวันของลูกเป็นหลัก

ลองสังเกตดูสักนิดว่าวันๆ นึงลูกทำอะไรบ้าง มีความจำเป็นต้องจ่ายเงินหรือไม่ มีกิจกรรมพิเศษหรือเปล่า พอเข้าสู่วัยประถมแล้วก็จะเริ่มซื้อขนมเองแล้ว ซึ่งต่างกับตอนอนุบาลที่ยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินเพราะมีของว่างระหว่างวันอยู่แล้ว

ฝึกลูกใช้เงินอย่างไรดี

การฝึกลูกใช้เงินให้เป็นตั้งแต่เด็กเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะวินัยการใช้เงินถ้าสอนลูกตั้งแต่ยังเล็กแล้วจะปลูกฝังได้ง่ายและติดตัวไปจนโตเลยทีเดียว อาจจะลองให้ลูกฝึกใช้เงินจากจำนวนน้อยๆ ก่อน สัก 5 บาท 10 บาทก็ยังดี เพราะการใช้เงินของเด็กในวัยอนุบาลนั้น เป็นการฝึกให้ลูกรู้ว่าเงินนั้นสามารถแลกกับอะไรได้บ้าง โดยไม่ได้เป็นการฝึกให้ลูกเป็นนักช็อปฯมืออาชีพ และที่สำคัญควรฝึกให้ลูกรู้ได้ด้วยถ้าไม่มีเงินลูกๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง

ฝึกให้ลูกใช้สติในการใช้เงิน

การมีสติถือว่าสำคัญมากกับทุกๆ เรื่อง อย่างน้อยให้รู่ถึงค่าของเงินที่ถือว่ามีมากน้อยเพียงใด เช่น คุณแม่อาจสอนให้ลูกรู้ว่าถ้าวันนี้ได้เงินค่าขนม 10 บาท ลูกจะซื้ออะไรได้บ้าง หรือถ้าพรุ่งนี้ได้ 5 บาทเด็กๆ จะซื้ออะไรได้บ้าง หรือถ้าลูกๆ ไม่ได้ใช้เงินค่าขนมเลย ก็สามารถนำเงินหยอดกระปุกไว้ได้ค่ะ

วิธีอธิบายเมื่อลูกอยากได้ของเเพง

แต่เมื่อลูกอยากได้ของที่แพงกว่าค่าขนม ควรสอนลูกให้คิดก่อนว่าอยากได้จริงๆ ไหม จำเป็นหรือไม่ ถ้าลูกอยากได้ขึ้นมา สอนให้เก็บเงินเพื่อให้ได้สิ่งนั้นจะดีกว่าการที่ซื้อให้โดยทันทีค่ะ

ฝึกให้ลูกไม่อยากได้ของตามเพื่อน

เมื่อลูกเริ่มเข้าโรงเรียนแล้ว ย่อมเห็นของเล่นที่เพื่อนๆ มีแล้วอยากได้ตามแน่นอน ควรสอนลูกให้หักห้ามใจและคิดให้ดีก่อนว่าลูกนั้นอยากได้ของจริงๆ หรือแค่อยากได้ตามเพื่อนกันแน่ เป็นการฝึกให้ลูกรู้จักข่มใจเมื่ออยากได้อะไรมากๆ

อย่าเป็นพ่อแม่สายเปย์

อย่างไรก็ตามถ้าลูกเกิดรบเร้าอยากได้อะไรขึ้นมามากๆ แล้วลงไปชักดิ้นชักงอแล้วละก็ อย่าตัดปัญหาด้วยการซื้อให้ทุกครั้ง มิเช่นนั้นจะเป็นการตามใจลูกจนเสียคนเลยก็เป็นได้ ทางที่ดีให้ลูกใช้ความพยายามในการเก็บเงินด้วยตัวเองนั้นน่าภูมิใจมากกว่าเยอะเลยค่ะ

ไม่มีสูตรสำเร็จว่าควรจะให้เงินลูกเท่าไหร่ดี ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วยกัน ยังไงก็ตามการปูพื้นฐานเรื่องวินัยการเงินก็เป็นสิ่งสำคัญมากไม่แพ้กันค่ะ

ที่มา – women.mthai

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



โรงเรียนอนุบาลทางเลือกที่โดนใจคุณแม่
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
สายด่วนที่คุณแม่ควรจดเบอร์ไว้
ชีวิตครอบครัว
ทำไมลูกชอบร้องไห้ก่อนไปโรงเรียน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
ประโยชน์ของกีฬาสีโรงเรียน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save