fbpx

โรงเรียนแนว Montessori กับการเรียนการสอนที่มี "เด็ก" เป็นศูนย์กลาง

Writer : Mookky TCN
: 27 ตุลาคม 2560

โรงเรียนเเนวมอนเตสซอรี่ก่อตั้งโดย แพทย์หญิงชาวอิตาลีชื่อ มาเรีย มอนเตสซอรี่ (Maria Montessori) เธอเชื่อว่าเด็กเเต่ละคนมีลักษณะ (นิสัย บุคลิค ความสามารถ) ที่ติดตัวมาตั้งเเต่เกิดเเล้ว ดังนั้นเด็กควรได้รับการศึกษาที่ส่งเสริมให้เขาเติบโตไปเเบบธรรมชาติ ไม่ใช่ตามแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการให้เป็น โดยผ่านการเรียนรู้ในสภาพเเวดล้อมที่เหมาะสม ดังนั้นการเรียนการสอนแบบ Montessori จึงมี “เด็ก” เป็นศูนย์กลาง

หลักการของ Montessori

ในการศึกษาตามเเนวทางของมอนเตสซอรี่มีหลักการอยู่ 5 ประการ คือ

   1. เด็กจะต้องได้รับการยอมรับนับถือ
เพราะเด็กเเต่ละคนมีความเเตกต่างกัน ผู้ใหญ่จึงควรยอมรับเด็กในเเบบที่เขาเป็น เเละพัฒนาเด็กไปตามจุดเเข็ง

    2. เด็กที่มีจิตซึมซาบได้
จิตใจของเด็กในวัยนี้เรียนรู้ ซึมซับ ข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่ายมากๆ โดยเฉพาะอายุตั้งแต่เกิด ถึง 3 ขวบ ผ่านเประสาทสัมผัสด้าน การได้ยิน การชิม การดมกลิ่น และการสัมผัส

    3. ช่วงเวลาหลักของชีวิต
ช่วงแรกจนถึง 6 ขวบเป็นช่วงสำคัญมากในการพัฒนาทั้งสติปัญญาเเละจิตใจ ในช่วงนี้ควรมีอิสระ ช่วงนี้เด็กๆ สามารถเรียนรู้ทักษะเฉพาะอย่างได้ดี ดังนั้นควรหมั่นสังเกตความสนใจ เเละเตรียมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกัน

   4. การเตรียมสิ่งแวดล้อม
เด็กจะเรียนรู้ได้ดีในสภาพเเวดล้อมที่เหมาะสม ซึ่งการเรียนเเบบมอนเตสซอรี่จะมีการเตรียมสภาพเเวดล้อมให้เด็กๆ ไว้เป็นอย่างงดี

   5. การศึกษาด้วยตนเอง
มอนเตสซอรี่ มีความเชื่อว่า ” ไม่ควรช่วยเด็กๆ ในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าทำได้ ” การศึกษาด้วยตนเองทำให้เด็กได้เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัย ได้ทดลองแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตนเอง เเละทำให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจ พร้อมทั้งเกิดการเห็นคุณค่าในตัวเอง

การเรียนการสอน

  • จัดห้องเรียนแบบเปิด สภาพเเวดล้อมเเบบเปิดทำให้เด็กๆ เคลื่อนไหวได้อิสระ เเละยังมีการจัดสภาพเเวดล้อมให้คล้ายบ้าน ให้ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย
  • นักเรียนเลือกเรียนได้แบบอิสระ เพราะมอนเตสซอรี่เชื่อว่าเด็กๆ เรียนรู้ ซึมซับ จากประสบการณ์รอบตัว ดังนั้นเลยให้เด็กมีอิสระในการเลือกเล่นตามใจ เเละเมื่อเด็กได้มีโอกาสเลือกเองก็มักจะเล่นตามรูปแบบของการใช้ชีวิตจริง เช่น เล่นทำอาหาร เล่นประดิษฐ์สิ่งของ
  • เรียนไปพร้อมกับกับเล่น โดยใช้สื่อการสอนแบบเฉพาะของมอนเตสเชอรร์รี่ ซึ่งเป็นวิธีการสอนที่สอดคล้องกับธรรมชาติของเด็กๆ ที่มีความอยากรู้อยากเห็น ชอบค้นหา เเละไม่หยุดนิ่ง
  • มีนักเรียนหลากหลาอายุเรียนรวมกัน ในคลาสอาจมีนักเรียนอายุ 0-3 ปี , 3-6 ปี หรือ 6-12 ปี เรียนปะปนกัน  เพื่อให้เด็กๆ ได้เรียนรู้กันเเละกันจากความหลากหลาย โดยส่วนใหญ่เรียนคาบละ 3 ชม.
  • วัดผลรายบุคคล ไม่มีการตัดเกรด ให้การบ้าน เพราะเชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีลักษณะพิเศษ ความสามารถ ศักยภาพ ที่เเตกต่างกัน ดังนั้นเลยไม่ใช้เกณฑ์เดียวในการตัดสินเด็กๆ

ภาพจาก videoblocks

กิจกรรมในชั้นเรียน

โรงเรียนเเนว Montessori มีกิจกรรม 3 หลักสูตร คือ

  •  กลุ่มประสบการณ์ชีวิต เน้นการพัฒนากล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก ผ่านกิจกรรมเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวัน เเละการช่วยเหลือตนเอง ซึ่งเด็กๆ จะได้เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัย สมาธิ เเละพัฒนาความเป็นตัวของตัวเอง
  • กลุ่มประสาทสัมผัส  ฝึกฝนให้เด็กใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 จนเชื่อมโยงประสานกัน โดยให้เด็กๆ เรียนรู้ด้วยการสำรวจ ค้นหา สิ่งเเวดล้อมรอบๆ ตัว
  • กลุ่มวิชาการ เน้นปูพื้นฐานด้านภาษาเเละคณิตศาสตร์ ผ่านการเรียนด้วยอุปกรณ์เฉพาะที่ Montessori ออกแบบเอง เช่น ฝึกเขียนจากประสาทสัมแบบใช้ตัวอักษรกระดาษทราย

การเรียนแบบ Montessori เป็นการให้อิสระกับเด็กในการเรียนรู้ เเละมีสภาพเเวดล้อมที่ดี ทำให้เด็กได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น ทักษะความคิดสร้างสรรค์ ฝึกการเป็นตัวของตัวเอง ฝึกการทำงานร่วมกับผู้อื่น เเละฝึกให้เด็กเรียนรู้ข้อผิดพลาดด้วยตัวเอง ซึ่งวิธีการของ Montessori มาจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่มีทั้งการสังเกต ทดลอง เเละ Montessori ก็ยังเชื่อว่าการจะสร้างสังคมดีๆ ต้องมีจุดเริ่มต้นที่การสร้าง “เด็ก” ให้โตไปอย่างมีคุณภาพ ในเเบบฉบับที่เป็นตัวของตัวเอง

ภาพจาก – privateschoolreview

โรงเรียนในไทยที่มีการสอนแบบ Montessori

  • โรงเรียนสาธิตปทุม
  • โรงเรียนอนุบาลกรแก้ว
  • โรงเรียนนานาชาติมอนเตสซอรี่ ภูเก็ต
  • โรงเรียนนานาชาติมูลตรีภักดี
  • โรงเรียนสมบุญวิทย์
  • โรงเรียนอนุบาล 3 ภาษา บ้านต้นไม้
  • โรงเรียนวิศานุสรณ์
  • โรงเรียน อนุบาลหมู่บ้านเด็กสานรัก
  • โรงเรียนนิมิตรใหม่

คลิปน่ารักๆ เกี่ยวกับการศึกษาแบบ Montessori

คลิปจาก – sprouts schools

ขอบคุณข้อมูลจาก – สมาคมโรงเรียนมอนเตสซอรี่แห่งประเทศไทย ,  ถามครู

 

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



5 วิธีที่คุณพ่อเล่นกับลูกได้
ชีวิตครอบครัว
7 กิจกรรม ทำร่วมกันได้ในครอบครัว
กิจกรรมของครอบครัว
7 ข้อคิดจากการดูการ์ตูน Finding Nemo
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save