fbpx

อาการ "เลือดกำเดาไหล" ในเด็กเกิดจากอะไร เเล้วทำยังไงดีนะ?

Writer : Mookky TCN
: 27 กันยายน 2560

เลือดกำเดาไหลคืออาการที่มีเลือดไหลออกทางโพรงจมูก ที่ทำให้คุณพ่อคุณเเม่ตกใจกันบ่อยๆ มาดูกันดีกว่าว่าเราจะรับมือกับอาการนี้ยังไงดี

ถึงเเม้จะดูน่ากลัวก็ขอให้คุณพ่อคุณเเม่ตั้งสติไว้ อย่าตกใจหรือโวยวาย เพราะจะยิ่งทำให้ลูกตกใจตามไปด้วยค่ะ ถ้าลูกเกิดร้องไห้ก็ควรจะปลอบให้หยุดร้องก่อน เพราะถ้ายิ่งร้องไห้จะทำให้เลือดไหลออกมามากขึ้นค่ะ

พบบ่อยในช่วงอายุไหน

อาการนี้มักพบเยอะในเด็กๆ อายุประมาณ 2-10 ขวบ (ในผู้ใหญ่ก็พบได้) ซึ่งส่วนมากจะพบในวัย  4-5 ขวบ เเละมักเกิดตอนอากาศเเห้ง เช่น ตอนช่วงฤดูหนาว

ทำไมถึงเกิด

เกิดจากเส้นเลือดฝอยในโพรงจมูกแตก เพราะอากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด ภาวะที่ร่างกายขาดวิตามินซี อีกในเด็กบางคนที่ถูกกระทบกระเทือน เช่น วิ่งชนกับเพื่อน ถูกสิ่งของปาใส่หน้าเเล้วกระทบจมูก ฯลฯ

รับมือยังไง

เราสามารถป้องกันอาการนี้ได้โดยให้ลูกๆ ไม่ออกไปเล่นกลางเเจ้งตอนที่อากาศร้อนนานๆ ทานอาหารครบ 5 หมู่ เเละออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ทานวิตามินซีเพื่อสร้างภูมิต้านทาน เเละป้องกันเยื่อบุจมูกแห้ง ด้วยการใช้น้ำเกลือหยอดในจมูก ทาวาสลีนเคลือบรูจมูก พร้อมทั้งควรบอกไม่ให้เด็กเเคะจมูก สั่งน้ำมูกแรงๆ ส่วนเวลาเกิดเลือดกำเดาไหลขึ้นมาก็อย่าเพิ่งตกใจ ให้ทำตามนี้

  • นั่งตัวตรงๆ อย่าเอนตัวเพราะทำให้เลือดไหลลงคอ(อาจจะอาเจียนได้) จากนั้นหายใจเข้าทางปาก เเล้วใช้กระดาษชำระม้วนๆ เป็นแท่งเเล้วอุดในรูจมูกเพื่อซับเลือด
  • ใช้นิ้วชี้กับหัวเเม่มือบีบปีกจมูก เเล้ววางผ้าเย็น ถุงน้ำเเข็งบนดั้ง

ปกติเลือดกำเดาจะหยุดไหลภายใน 5 นาที เเต่ถ้าปฐมพยาบาลนานเเล้วเลือดกำเดายังไม่ยอมหยุดไหลก็ควรพาลูกไปพบเเพทย์ดีค่ะ 😀

ขอบคุณข้อมูลจาก – samitivejhospitals

 

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save