fbpx

ทำยังไง เมื่อลูกคิดว่าเราลำเอียง

Writer : nunzmoko
: 9 กรกฏาคม 2561

 

เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ต้องรักลูกทุกคนอยู่แล้ว แต่บางสถานการณ์อาจพลั้งทำอะไร หรือพูดอะไรที่ทำให้ลูกรู็สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ลำเอียง ตัวอย่างเช่น พ่อแม่ส่วนใหญ่มักสอนให้พี่ยอมน้อง เพราะน้องตัวเล็กกว่าและดูแลตัวเองไม่ได้ การเปรียบเทียบระหว่างพี่น้อง ไม่ว่าจะเรื่องพัฒนาการเรียนรู้ หรือเรื่องรูปร่างหน้าตา เป็นต้น ถ้าปมในใจของเด็กไม่ได้ถูกคลี่คลาย ก็อาจจะนำไปสู่บุคลิกภาพและอารมณ์ทางด้านร้ายของเด็ก วันนี้มีวิธีคลายปมในใจลูกเมื่อลูกคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ลำเอียงมาฝากกันค่ะ

1. ให้พี่เป็นเหมือนฮีโร่

พ่อแม่ส่วนใหญ่มักสอนให้พี่ยอมน้อง เพราะน้องตัวเล็กกว่าและดูแลตัวเองไม่ได้ วิธีที่จะช่วยให้ลูกคนโตเข้าใจและไม่รู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ลำเอียงคือ ไม่สอนลูกให้ยอมน้องด้วยเหตุผลเพราะเขาเป็นน้อง แต่ควรมีคำพูดอื่นด้วยเช่น “น้องยังทำเองไม่เป็น ถ้าลูกช่วยน้อง อีกหน่อยน้องต้องทำเองเป็นค่ะ” ให้ลูกคนโตได้แสดงบทฮีโร่ดูแลน้องบ้าง และถ้าน้องทำผิดคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องมีวิธีลงโทษน้องอย่างมีเหตุผลด้วยค่ะ

2. เพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ให้ลูก

เพิ่มความมั่นคงทางอารมณ์ให้ลูก ด้วยท่าทาง สัญลักษณ์ที่ทำให้รู้ว่าคุณยังรักแกอยู่ เช่น โอบกอด หอมแก้มก่อนนอน หรืออื่นๆ ที่คุณเคยทำเป็นประจำ และให้คำชมเชยเมื่อลูกทำอะไรได้เอง เพื่อป้องกันพฤติกรรมถดถอย การชมเชยลูกทำให้ลูกรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ยังเอาใจใส่ สังเกตและมองดูอยู่ตลอดเวลาไม่ได้ทิ้งไปไหน

3. ให้ความเข้าใจแก่ลูก

ลองหาภาพถ่ายสมัยลูกยังเด็ก เป็นขวัญใจประจำบ้านมาเป็นหลักฐาน พร้อมอธิบายว่า “เด็กเล็กแรกเกิด ต้องมีการรับขวัญเป็นธรรมดา ตอนหนูเกิด ทุกคนก็รับขวัญหนูเหมือนกันนะ”

4. เลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้ลูกรู้สึกถึงความลำเอียง

ปู่ย่าตายายและญาติผู้ใหญ่ มักเห่อลูกหลานแรกคลอด นัยว่าเป็นการรับขวัญเจ้าตัวน้อย แต่เจ้าวัยเตาะแตะแกไม่รู้ด้วยว่า หนูก็เคยถูกเห่อด้วยเหมือนกัน เพราะจำไม่ได้แล้ว วิธีแก้คือ หาทางบอกญาติผู้ใหญ่ตามตรงว่าอย่าเห่อหลานคนเล็กจนหลานคนแรกหงอย หรือให้โอกาสหลานอยู่ตามลำพังกับคุณปู่คุณย่า แล้วคุณก็พาเจ้าตัวเล็กชิ่งหลบไปก่อน เพื่อน้องหนูจะได้รู้ว่าคุณปู่คุณย่ายังรักแกอยู่

5. เปิดโอกาสให้ลูกระบายความในใจ

เปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายความในใจบ้าง โดยไม่เอาเรื่องเหตุผลและความถูกต้องมาเป็นเครื่องปิดกั้น เช่น ถ้าลูกบอกเกลียดคุณปู่ ก็ถามว่าทำไมเกลียด หากแกใช้คำไม่สุภาพบ้างอย่าขัดจังหวะหรือบ่นในช่วงนี้ ลองฟังให้จบแล้วค่อยๆ สอนและปรับทัศนคติลูกค่ะ

7. ระวังเรื่องการให้ท้าย

ระวังเรื่องการให้ท้ายลูก เช่น พ่อดูเหมือนจะใส่ใจลูกคนเล็กมากกว่า แม่จึงให้ท้ายลูกคนโต ทั้งที่ลูกคนโตทำผิด ก็ไม่ได้นะคะ ควรทำความเข้าใจทั้งคุณพ่อคุณแม่และลูกๆ สิ่งไหนผิดก็ต้องตัดสินไปตามนั้น แต่ใช้วิธีการพูด สอนด้วยวิธีที่ถูกต้องไม่ใช้การลงโทษที่รุนแรง

ความเข้าใจของพ่อแม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ คุณพ่อ คุณแม่ เอ็นดูลูกต่างกันได้ แต่ต้องรักลูกให้เท่ากัน พูดให้ลูกเข้าใจว่าทำไมคุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจลูกอีกคนมากกว่า และไม่แสดงความลำเอียงให้ลูกเห็น จนน้อยใจค่ะ

ที่มา –  www.rakluke.com

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



8 หลักสูตรสอนคุณพ่อให้เลี้ยงลูกเป็น
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save