fbpx

เตรียมตัวเป็นแม่ได้เลย รู้วันไข่ตกง่ายๆ ได้ด้วยชุดตรวจไข่ตก

Writer : Lalimay
: 23 เมษายน 2563

ใครที่รอเป็นคุณพ่อคุณแม่มาลองปฏิบัติภารกิจจากวันที่ไข่ตกดูไหมคะ? โดยส่วนมากผู้หญิงที่ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอก็อาจจะใช้การนับวันไข่ตก แต่สำหรับคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอการใช้อุปกรณ์ช่วยจึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ และทำให้เรากลายเป็นคุณพ่อคุณแม่เร็วมากขึ้น ดังนั้นวันนี้เราไปทำความรู้จักกับชุดตรวจไข่ตกกันดีกว่าค่ะ จะได้รู้เวลาที่จะปฏิบัติภารกิจลับเพื่อรอรับเจ้าตัวเล็กของพวกเรา

ชุดตรวจไข่ตกคืออะไร ?

ชุดตรวจไข่ตก (LH ovulation test) เป็นเครื่องมือที่ช่วยคาดคะเนการตกไข่ได้อย่างแม่นยำ โดยจะเป็นการตรวจหาฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (Luteinizing hormone – LH) ในปัสสาวะ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ 

ฮอร์โมนกระตุ้นการตกไข่ (Luteinizing hormone – LH) นี้ โดยปกติร่างกายจะหลั่งออกมาน้อยมากๆ จนกระทั่งถึงช่วงระยะเวลาก่อนไข่ตก ฮอร์โมนนี้จะจะหลั่งออกมาเพิ่มอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่าร่างกายกำลังจะเกิดการตกไข่ ภายใน 12-48 ชั่วโมงนี้ เมื่อเราปฏิบัติภารกิจรักในช่วงเวลานี้ก็จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์สูงมากค่ะ

วิธีการใช้ชุดตรวจไข่ตก

ชุดตรวจไข่ตกเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานง่ายมากๆ แค่ตรวจด้วยปัสสาวะ เหมือนกับที่ตรวจการตั้งครรภ์เลยค่ะ โดยตรวจจากวันที่คาดว่าเราจะมีการตกไข่ หากมีการนับประจำเดือน วันที่ไข่ตกก็จะเกิดก่อนวันมีประจำเดือนประมาณ 14 วัน แต่ถ้าเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ก็ให้ตรวจหลังจากประจำเดือนมาวันแรกประมาณ 10-12 วัน

ชุดตรวจไข่ตกมีอยู่ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ

  1. แบบจุ่ม (Strip) ใช้โดยการจุ่มแถบทดสอบด้านที่มีหัวลูกศรลงในถ้วยปัสสาวะนานประมาณ 5 วินาที นำแถบทดสอบวางในแนวราบที่แห้งและสะอาด รอประมาณ 5 นาทีจึงอ่านผล 
  2. แบบตลับหยด (Cassette) วางตลับในแนวราบแล้วหยดลงปัสสาวะลงในหลุมทดสอบประมาณ 3-4 หยด รอประมาณ 5 นาทีจึงอ่านผล
  3. แบบปัสสาวะผ่าน (Midstream) ถอดฝาครอบออกจากแท่งทดสอบ แล้วปัสสาวะผ่านตรงส่วนปลายของแท่งทดสอบประมาณ 7-10 วินาที รอประมาณ 5 นาทีจึงอ่านผล 

สำหรับช่วงเวลาตรวจที่เหมาะสมคือ 13.00-20.00 น. แต่เวลาที่ดีที่สุดคือ 14.00 น. เพราะฮอร์โมน LH จะถูกสร้างขึ้นในช่วงเช้าและจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงช่วงบ่ายนั่นเองค่ะ ซึ่งก่อนตรวจ 2 ชั่วโมง ห้ามดื่มน้ำหรือของเหลวใดๆ นะคะ เพราะยิ่งปัสสาวะเข้มข้นก็จะทำให้ได้ผลที่ชัดเจนที่สุด

ถ้าเกิดตรวจครั้งแรกแล้วไข่ยังไม่ตก ก็จะต้องตรวจปัสสาวะในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวันจนกว่าจะขึ้น 2 ขีดเข้มที่ชุดการตรวจนะคะ และถ้าขึ้น 2 ขีดเข้มแล้วล่ะก็… เตรียมตัวได้เลยค่ะ สามารถปฏิบัติภารกิจรักภายใน 48 ชั่วโมงได้เลยค่าาาา เพราะถ้าเดือนนี้พลาด จะต้องรอใหม่อีกทีเดือนหน้าเลยน้า

ข้อมูลอ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
18 สิงหาคม 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save