fbpx

6 คำถามยอดฮิต เกี่ยวกับการว่ายน้ำของเด็กทารก

Writer : nunzmoko
: 19 กรกฏาคม 2560

การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ดีไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในเด็กทารกวัยแรกเกิดถึง 2 ขวบ ซึ่งอยู่ในช่วงที่กล้ามเนื้อและสมองมีการพัฒนาสูงสุด การออกกำลังกายจึงมีความสำคัญอย่างมาก คุณพ่อคุณแม่หลายท่าน อาจจะกังวลว่าเด็กเล็กสามารถว่ายน้ำได้จริงมั้ย อันตรายรึเปล่า วันนี้เราจะไขข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการว่ายน้ำของเด็กทารกกันค่ะ

1. เด็กทารกว่ายน้ำได้มั้ย?

จริงๆ เด็กทารกคุ้นเคยกับการอยู่ในน้ำตั้งแต่ในครรภ์ที่มีน้ำคร่ำล้อมรอบอยู่ ซึ่งการฝึกว่ายน้ำให้เด็กทารกในปัจจุบันมีความแพร่หลายอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ เพราะมีการวิจัยพบว่าการฝึกเด็กทารกว่ายน้ำช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางสมองและร่างกายได้ครบทุกส่วน

2. อายุเท่าไหร่ถึงว่ายได้?

สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 3-4 เดือน หรือเมื่อเด็กพร้อม โดยให้ใช้ห่วงยางสวมศีรษะของทารกเพื่อช่วยพยุงตัว ทารกสามารถลอยตัวหรือเดินในน้ำได้โดยไม่ต้องฝึก แต่วัยที่เหมาะกับการฝึกว่ายน้ำคือ 1 ขวบขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่เด็กเริ่มควบคุมการเคลื่อนไหวได้ดี มีพัฒนาการด้านภาษา สามารถเข้าใจการสื่อสารของพ่อแม่ในขณะฝึกได้ค่ะ

3. สระน้ำแบบไหนดี?

สระน้ำที่เหมาะกับเด็กเล็กคือ สระน้ำระบบน้ำเกลือหรือสระน้ำระบบโอโซน ไม่ควรให้เด็กเล็กเล่นน้ำในสระระบบคลอรีนเพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและแสบตาได้ และควรเลือกสระที่มีการควบคุมอุณหภูมิน้ำให้อยู่ระหว่าง 30-35 องศาเซลเซียส

  • สระน้ำระบบเกลือ เป็นระบบควบคุมความสะอาดของน้ำด้วยเกลือธรรมชาติ มีค่า ph balance ในสระใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติของคน
  • สระน้ำระบบโอโซน เป็นระบบที่เอาก๊าซโอโซนมาบำบัดน้ำในสระ มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ในเวลาอันสั้นและไม่มีสารเคมีตกค้าง

4. เด็กทารกดำน้ำได้มั้ย?

คำตอบคือ เด็กทารกสามารถดำน้ำได้ค่ะ เพราะเด็กทารกมีรีเฟล็กซ์การดำน้ำ (Diving Reflex) เด็กในวัยนี้สามารถกลั้นหายใจและลืมตาในน้ำได้ในเวลาเดียวกันในช่วงขณะหนึ่ง โดยไม่สำลักน้ำ แต่ข้อควรระวังคือห้ามฝึกลูกให้ดำน้ำเองโดยเด็ดขาด การฝึกดำน้ำในเด็กเล็กควรอยู่ภายใต้ความดูแลอย่างใกล้ชิดจากครูฝึกที่มีความเชี่ยวชาญ

5. ว่ายได้นานแค่ไหนและเวลาไหนที่ควรว่าย?

ในการลงน้ำครั้งแรกๆ ควรใช้เวลาฝึกแค่เพียง 10-15 นาที เพราะเป็นช่วงที่ทารกออกแรงมาก ครั้งต่อๆ ไปสามารถให้ลูกฝึกได้นานขึ้นประมาณ 20-30 นาที และควรหลีกเลี่ยงช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แดดค่อนข้างร้อน แต่จะให้ดีคือฝึกว่ายในที่ร่มจะดีกว่าค่ะ

6. ทำไมถึงควรให้ลูกว่ายน้ำ?

• กระตุ้นพัฒนาการด้านสมองและสติปัญญา เนื่องจากร่างกายเคลื่อนที่ทำให้สมองถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง จึงมีพัฒนาการสมองที่รวดเร็วกว่าเด็กในวัยเดียวกันที่ไม่ได้เรียนว่ายน้ำ

• ส่งเสริมพัฒนาการด้านอารมณ์ ทำให้เด็กอารมณ์ดี ร่าเริง เพราะอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมช่วยลดอาการหงุดหงิด ขี้โมโหของเด็กให้ผ่อนคลายลง มีความสุขและมีสมาธิมากขึ้น

• ส่งเสริมพัฒนาการร่างกายและกล้ามเนื้อทุกส่วน การออกกำลังกายในน้ำจะใช้พลังมากกว่าบนบกถึง 4 เท่า จึงถือเป็นการบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วน ทำให้สามารถนั่ง คลาน ตั้งไข่ ยืน เดินได้เร็วและมั่นคง

• ช่วยให้เจริญอาหาร หลับง่าย หลับลึกขึ้น เนื่องจากการว่ายน้ำต้องใช้พลังมาก ส่งผลให้เด็กอยากอาหารมากขึ้นและเมื่อถึงเวลานอน ก็จะหลับง่าย หลับลึก จึงเป็นตัวกระตุ้นโกรทฮอร์โมน ทำให้เด็กเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์และแข็งแรง

• เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัว การเรียนว่ายน้ำในเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่จะคอยทำหน้าที่ฝึกลูก ให้กำลังใจลูก เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและสนุกไปพร้อมกับลูก สร้างความอบอุ่น และทำให้เด็กรู้สึกถึงปลอดภัยอีกด้วยค่ะ

รู้อย่างนี้แล้วคุณพ่อคุณแม่ลองหาเวลาพาลูกไปว่ายน้ำดูนะคะ เพราะประโยชน์ที่มากมายแล้ว การว่ายน้ำยังเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความอบอุ่นภายในครอบครัว สร้างความสุข ความสนุกสนาน ทำให้ลูกรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย มีผลให้ลูกๆ มีความเชื่อมั่นและเชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

  • ที่มา – cetaphil
  • ที่มา – rakluke
  • ภาพจาก – babycenter
Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
31 มกราคม 2562
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
20 กรกฏาคม 2560
นวด นวด นวด มานวดลูกน้อยกันเถิด
เด็กวัยแรกเกิด
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save