fbpx

7 วิธี ช่วยให้ลูกหงุดหงิดน้อยลงและรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง

: 25 สิงหาคม 2560

เคยไหมที่เวลาลูกร้องไห้ หงุดหงิด ไม่มีเหตุผล เราที่เป็นแม่ก็พลอยจะหงุดหงิดตามไปด้วยเพราะก็ไม่รู้จะทำให้ลูกหงุดหงิดน้อยลงยังไง หลังจากที่ตุ๊กไปเรียนกับอาจารย์เกียรติยง ประวีณวรกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก ตุ๊กก็ได้ค้นพบว่าการพูดสะท้อนอารมณ์ลูกนั้นสำคัญมากเพราะสามารถช่วยให้เราเข้าใจลูกมากขึ้นและยังทำให้ลูกหงุดหงิดน้อยลงด้วยค่ะ วันนี้ตุ๊กเลยอยากจะขออธิบายเรื่องวิธีการพูดสะท้อนอารมณ์ของลูกและวิธีที่ช่วยให้ลูกหงุดหงิดน้อยลงค่ะ

ให้เราเดินไปหาลูกและนั่งในระดับสายตาของเขา


ให้สบตาเขา พร้อมพูดเพื่อช่วยให้ลูกเข้าใจและบอกอารมณ์ของตัวเองได้ เช่น ตอนนี้ลูกกำลังรู้สึกโกรธอยู่ และบอกให้เขาเข้าใจว่าความรู้สึกโกรธเป็นเรื่องธรรมชาติ เดี๋ยวสักพักลูกจะรู้สึกดีขึ้นเอง

ให้เราเพิ่มคำศัพท์ต่างๆ เข้าไป ว่าอารมณ์แบบนี้คืออะไร เรียกว่าอะไร และเมื่อลูกรับรู้ได้ถึงอารมณ์ของตัวเองที่เกิดขึ้น ลูกจะสามารถจดจำได้ว่าความรู้สึกที่รู้สึกอยู่นั้นคือความโกรธนะ และในครั้งต่อไปที่เขารู้สึกโกรธ เขาจะสามารถบอกเราได้ว่าเขารู้สึกโกรธ และจะเป็นการง่ายขึ้นสำหรับเราในการช่วยให้ลูกรู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง


เมื่อเราเข้าใจในมุมของลูกแล้ว ให้เราพูดกับลูกไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะนั้น ยกตัวอย่างเช่น ลูกกำลังรู้สึกโกรธที่น้องมาแย่งของเล่นของหนูไปใช่ไหม แม่เข้าใจเพราะนั่นคือของๆ หนู เป็นแม่ก็คงรู้สึกไม่พอใจเหมือนกัน ในส่วนนี้นั้นคือการพูดสะท้อนอารมณ์ของลูก

แต่แม่เข้าใจเขา เราสามารถช่วยลูกเพิ่มได้โดยหาวิธีที่ทำให้อารมณ์โกรธของลูกนั้นเบาบางลง เช่น การให้ลูกออกจากสถานการณ์นั้นๆ นับ 1-10 หรือหาสิ่งอื่นทำ


เราสามารถช่วยลูกต่อไปได้โดยหาสาเหตุที่ทำให้ลูกรู้สึกโกรธ โดยพูดคุยว่าลูกโกรธเพราะอะไร ไหนเล่าให้แม่ฟังหน่อยได้ไหม และตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกพูด เพื่อให้ลูกได้มีโอกาสปลดปล่อยและระบายความรู้สึกนั้นออกมา


เราควรจับมือลูกให้หยุดตีและบอกกับลูกอย่างชัดเจนว่า ลูกรู้สึกโกรธได้เป็นเรื่องปกติไม่ผิด แต่การที่ลูกไปตีคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ผิด ไม่ควรทำ

เมื่อลูกสามารถบอกได้บ้างว่าเขารู้สึกยังไง อารมณ์หงุดหงิดหรือโกรธก็จะแสดงออกมาน้อยลง แต่ก่อนที่เราจะสามารถพูดสะท้อนอารมณ์ของลูกได้ หรือพูดเพื่อให้ลูกเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองได้นั้น จะต้องอาศัยการควบคุมอารมณ์ของคนเป็นพ่อและแม่ให้ได้ก่อน เราไม่ควรติ ตัดสิน หรือใช้อารมณ์ในการช่วยลูก เพื่อที่เราจะได้ช่วยลูกได้อย่างแท้จริงค่ะ

Writer Profile : Tuk LittleMonster

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



10 วิธี ฝึกลูกให้เข้มแข็ง
ไลฟ์สไตล์
7 เทคนิค พูดยังไงให้ลูกฟัง
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save