fbpx

8 การกระทำและคำพูดที่ทำให้ลูกเสียใจโดยไม่รู้ตัว

Writer : nunzmoko
: 21 กรกฏาคม 2562

คำพูดและการกระทำของพ่อแม่เป็นตัวกำหนดตัวตนของลูก ช่วยสร้างขวัญกำลังใจ ช่วยปลอบใจและความรู้สึกของลูกได้อย่างดี ในขณะเดียวกันการใช้คำพูดหรือการกระทำที่ไม่ถูกต้องก็อาจก่อให้เกิดผลเสียได้เช่นกัน

ไปดูกันว่าคำพูดและการกระทำแบบไหนที่พ่อแม่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งเพราะอาจทำให้ลูกๆ เสียใจโดยไม่รู้ตัว

1. ตอกย้ำซ้ำเติมความผิดพลาดของลูก

  • การดุหรือว่ากล่าว ซ้ำๆ ไม่ใช่วิธีที่จะทำเด็กจดจำและเรียนรู้ความผิดพลาด
  • การซ้ำเติมลูกเป็นการตอกย้ำทำให้ลูกรู้สึกฝังใจ กลัวความผิดพลาดจนกลายเป็นคนขี้ระแวงได้
  • เด็กเกิดความรู้สึกเจ็บใจ โกรธ และไม่สำนึกมากกว่าเดิม
  • วิธีที่ดีคือการตักเตือนแล้วอธิบายข้อผิดพลาดว่าเกิดจากอะไร มีผลเสียอย่างไรกับทั้งตัวเองและผู้อื่น

2. สั่งให้เก็บอารมณ์ความรู้สึก

  • พ่อแม่หลายคนพยายามปกป้องลูกโดยการบอกเขาว่าไม่ต้องเศร้าหรือไม่ต้องกลัว
  • เป็นการสื่อที่ผิด เพราะจะทำให้ลูกรู้สึกว่าอารมณ์และความรู้สึกของเขานั้นไม่สำคัญ
  • พยายามบอกลูกว่าไม่เป็นไรที่จะรู้สึกเช่นนั้น และพ่อแม่จะคอยอยู่ข้างๆ เสมอ

3. อารมณ์เสียหรือเหวี่ยงใส่ลูก

  • สาเหตุมักมาจากเด็กมีการตอบโต้ที่น้อย ไม่ฟังที่พ่อแม่พูด
  • จากเรื่องเล็กที่เป็นข้อผิดพลาดนิดหน่อยกลายเป็นความผิดร้ายแรงได้ทันที
  • ขนาดพ่อแม่ยังไม่ควบคุมอารมณ์แล้วลูกจะเรียนรู้ตัวอย่างที่ดีได้อย่างไร
  • ควบคุมอารมณ์และค่อยๆ สอนลูกในเชิงบวกเป็นวิธีที่ดีที่สุด

4. บอกความลับของลูกให้คนอื่นฟัง

  • สาเหตุหลักความลับคือสิ่งที่เด็กไม่อยากให้คนจำนวนมากรู้
  • การเก็บความลับของลูก จะทำให้เด็กเกิดความรู้สึกไว้วางใจ เชื่อใจพ่อแม่

5. ลูกทำความดีแต่พ่อแม่เมินเฉย

  • ทำให้ลูกมีความรู้สึกที่ไม่ภาคภูมิใจกับสิ่งที่ได้ทำมา
  • รู้สึกว่าไม่มีใครเห็นคุณค่าแม้จะทำดี

6. ล้อเลียนจุดด้อยของลูก

  • การล้อเลียนลูกเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับคุณพ่อคุณแม่
  • เราไม่ควรที่จะล้อเลียนหรือเรียกลูกด้วยชื่ออื่นๆ ที่อาจทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจ เช่น อ้วน สิว
  • พ่อแม่ควรเป็นกำลังใจและสนับสนุนให้ลูกเป็นคนที่ดีขึ้น

7. ชมลูกพร่ำเพรื่อ

  • คำชมควรไว้สำหรับสิ่งที่สำคัญและสมควรได้รับ
  • ถ้าคุณชมลูกบ่อยเกินไป มันจะกลายเป็นคำไร้ความหมาย
  • การไม่ชมหรือสปอยลูกจะทำให้ลูกพยายามมากขึ้นเพื่อให้ได้รับคำชม

8. ห้ามลูกไม่ให้เถียงหรือบอกเหตุผล

  • คนเป็นพ่อเป็นแม่ จะต้องหัดสะกดอารมณ์ของตัวเองบ้าง
  • ทำใจลองเปิดโอกาสให้ลูกอธิบายและรับฟังเหตุผลของลูกบ้าง
  • แต่ต้องไม่ใช่ถึงกับปล่อยให้ลูกโต้เถียงด้วยความก้าวร้าวค่ะ

รู้แบบนี้แล้วก็หลีกเลี่ยงการกระทำและคำพูดเหล่านี้ รับรองว่าลูกๆ จะเข้าใจความหวังดีของคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ

ที่มา – tnews ,dek-d

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save