fbpx

ภูมิแพ้อากาศ โรคยอดฮิตในเด็กที่เกิดจากภัยร้ายใกล้ตัว

Writer : Lalimay
: 11 มิถุนายน 2561

เคยสังเกตตัวเองหรือเจ้าตัวเล็กไหมคะว่าตื่นมาตอนเช้าแล้วมีอาการน้ำมูกไหลเป็นน้ำใสๆ จามถี่ๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เป็นหวัด แถมอาการที่ว่าก็เป็นแค่แปบเดียว พอผ่านไปสักชั่วโมงก็หายแล้ว หากใครหรือเจ้าตัวเล็กบ้านไหนมีอาการแบบนี้ อาจสันนิษฐานได้ว่ากำลังเป็นโรคภูมิแพ้อากาศแล้วล่ะค่ะ ซึ่งโรคนี้ก็มีสาเหตุมาจากเรื่องใกล้ตัวมากๆ จะใกล้ตัวยังไงตาม Parents One ไปอ่านกันดีกว่าค่ะ

ภูมิแพ้อากาศเกิดจากอะไร

เกิดจากความผิดปกติในระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีต่อสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เช่น ไรฝุ่น ฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ แมลงสาบ เป็นต้น โดยร่างกายจะปล่อยสารที่มีชื่อว่า อิมมูโนโกลบูลินอี (Immunoglobulin E; IgE) เข้าทำปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ที่หายใจเข้าไป ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อจมูก

โรคภูมิแพ้อากาศพบบ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น กว่า 80% มีอาการภูมิแพ้ก่อนอายุ 20 ปี แต่ก็สามารถพบได้ในคนทุกวัย ถึงแม้ว่าโรคภูมิแพ้อากาศจะไม่รุนแรงแต่มีอาการเรื้อรัง ซึ่งจะสร้างความรำคาญให้แก่ผู้ป่วย หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องอาจเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ได้ เช่น ไซนัสอักเสบ หูชั้นกลางอักเสบ เป็นต้น

อาการของภูมิแพ้อากาศ

  • น้ำมูกใส
  • จามเป็นประจำ
  • คันในจมูกและคอ
  • หายใจด้วยจมูกไม่สะดวก
  • น้ำตาไหล ตาแดง ตาบวม หรือขอบตาคล้ำ

โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นตลอดปี หรือเพียงบางฤดูกาลก็ได้ โดยเฉพาะฤดูฝนหรือฤดูหนาว ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการเฉพาะบางเวลา เช่น ตอนเช้า หรือตอนกลางคืน ประมาณวันละ 1-2 ชั่วโมง ซึ่งอาการของโรคภูมิแพ้อากาศจะแตกต่างอาการของไข้หวัดตรงที่ภูมิแพ้อากาศจะเป็นๆ หายๆ มีน้ำมูกใส จามและคัดจมูก แต่จะไม่มีไข้หรือปวดเมื่อยตามร่างกายเหมือนเวลาที่เป็นไข้ค่ะ

กรรมพันธุ์อาจทำให้เกิดภูมิแพ้อากาศได้

อาจเรียกได้ว่าภูมิแพ้อากาศเป็นโรคที่เกิดจากกรรมพันธุ์ เพราะหากพ่อหรือแม่เป็นภูมิแพ้ ลูกมีโอกาสเป็นภูมิแพ้ถึง 50% แต่ถ้าเป็นทั้งพ่อและแม่ ลูกจะมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นถึง 70% อีกทั้งยังจะเกิดอาการเร็วขึ้นอีกด้วย

ไรฝุ่น สารก่อภูมิแพ้ตัวร้าย

ปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้อากาศได้คือ สารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอากาศ สถานที่ที่เด็กๆ จะได้สัมผัสมากที่สุดคือ สารก่อภูมิแพ้ในบ้าน ได้แก่ ฝุ่นและไรฝุ่นต่างๆ ซึ่งไรฝุ่นมักจะพบได้มากบนที่นอน อย่างผ้าปูที่นอน หมอน ผ้าห่ม และตุ๊กตา เพราะเซลล์ผิวหนังที่หลุดลอกของเราคืออาหารชั้นดีสำหรับไรฝุ่น

ซึ่งสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นนั้นมาจาก โปรตีนที่เป็นของเสียจากไรฝุ่น ทั้งมูลและซากที่ตายแล้ว ด้วยขนาดที่เล็กมากๆ จึงทำให้ฟุ้งกระจายได้ง่าย และเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเราในขณะที่นอนหลับนั่นเอง นอกจากนี้แมลงสาบ ขนของแมวและสุนัข เกสรดอกไม้และควันบุหรี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้อากาศได้เช่นกัน

วิธีการป้องกัน

การจัดสภาพแวดล้อมในบ้านให้ดี ลดการสะสมของฝุ่นจะเป็นการป้องกันภูมิแพ้อากาศได้ดีที่สุด โดยเฉพาะในห้องนอนที่เป็นแหล่งสะสมของฝุ่นมากที่สุดในบ้าน ดังนั้นจึงควรทำความสะอาดพื้นด้วยการถู จะทำให้ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจาย ควรใช้เครื่องนอนที่เหมาะสม ไม่ควรใช้หมอนหรือที่นอนที่ทำจากนุ่น และต้องทำความสะอาดเป็นประจำ โดยการซักด้วยน้ำร้อน 60 องศา นาน 15-20 นาที เพื่อฆ่าตัวไรฝุ่นและตากแดดให้แห้ง

นอกจากนี้การใช้ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนและผ้าห่มแบบกันไรฝุ่น ก็จะช่วยกั้นไม่ให้ไรฝุ่นที่อยู่ในที่นอนเล็ดลอดออกมาจากที่นอนและฟุ้งกระจายเข้าสู่อากาศ เพราะผ้ากันไรฝุ่นมีการถักทอด้วยเทคนิคพิเศษ จึงมีรูผ้าที่เล็กมากๆ จนไรฝุ่นไม่สามารถแทรกตัวอยู่ได้ ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่นที่ดี นอกจากจะกันไรฝุ่นแล้วยังต้องมีคุณสมบัติให้อากาศผ่านและถ่ายเทได้ดีอีกด้วย

ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่นไมเท็กซ์ MITEX

ผ้ากันไรฝุ่นของไมเท็กซ์ เกิดขึ้นจากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่ต้องการผลิตผ้ากันไรฝุ่นที่มีมาตรฐานและสามารถกันไรฝุ่นได้จริงๆ โดยมีจุดเด่นคือ

  • สามารถกันไรฝุ่นได้มากถึง 99.98% (อ้างอิงได้จากศูนย์วิจัยไรฝุ่นศิริราช)
  • ใช้เทคโนโลยีการทอแน่น แน่นและถี่จนตัวไรฝุ่นและมูลของไรฝุ่นไม่สามารถเล็ดลอดได้ โดยไม่มีการเคลือบสารเคมี
  • ผ้ากันไรฝุ่นของไมเท็กซ์เบาบางมากที่สุด อากาศไหลเวียนผ่านได้ดี จึงทำให้นอนได้สบาย
  • ได้รับการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคภูมิแพ้

สามารถหาซื้อผ้ากันไรฝุ่นไมเท็กซ์ ได้ทั้งช่องทางออนไลน์และตามร้านขายยาทั้งในโรงพยาบาลและในห้างสรรพสินค้า

ช่องทางซื้อออนไลน์

ร้านขายยาต่างๆ

  • ร้าน LAB Pharmacy รวม23 สาขา (เช่น Silom Complex, Emporium, K-Village, Terminal 21, etc.)
  • ร้าน Healthy Max 6 สาขา ( สาขาโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, สาขาศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ม.มหิดล (ศาลายา), สาขาโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์, สาขาโรงพยาบาลพระรามเก้า, สาขาโรงพยาบาลเวชธานี)

ข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม www.mitex.in.th

ขอบคุณข้อมูลจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save