fbpx

เลี้ยงลูกยังไงให้หลับง่าย ไม่กลายเป็นมนุษย์ค้างคาว

Writer : nunzmoko
: 13 กรกฏาคม 2560

การนอนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเด็กแรกเกิดเพราะการนอนช่วยเสริมสร้างโกรทฮอร์โมน ให้ลูกรักของเรามีพัฒนาการสมวัย ทั้งอารมณ์และสมอง แต่จะทำยังไงให้ลูกหลับง่าย หลับสบายทั้งคืน ไม่งอแงตอนกลางคืน ตื่นมาสดใสร่าเริง มาดูเคล็ดลับที่จะช่วยให้ลูกหลับง่าย ซึ่งเป็นวิธีที่คุณแม่สามารถทำได้ไม่ยากเลยค่ะ

แผนการนอนของเด็ก

จากการศึกษาพบว่า เด็กทารกจะใช้เวลากับการนอนมากถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน โดยมักตื่นร้องทุก 3-4 ชั่วโมง ซึ่งสัมพันธ์กับความหิว เนื่องจากเด็กทารกต้องกินนมทุก 3-4 ชั่วโมง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เด็กทารกจะตื่นกลางคืนทุก 3-4 ชั่วโมง ในช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่คงต้องทนเหนี่อยไปก่อน แต่เมื่อเด็กโตขึ้นก็จะหลับกลางคืนได้นานขึ้น โดยพบว่า 70% ของเด็กอายุ 3 เดือนจะเริ่มหลับยาวได้เกือบตลอดคืน และที่อายุ 4 เดือนเด็กหลายคนจะหลับต่อเนื่องได้ถึง 8 ชั่วโมง ดังนั้น พอลูกอายุ 3-4 เดือนคุณพ่อคุณแม่หลายคนก็จะเริ่มสบายมากขึ้น บวกกับเทคนิคอีกนิดหน่อยก็สามารถช่วยให้ลูกน้อยของเราหลับง่าย หลับสบายมากยิ่งขึ้นค่ะ

สร้างบรรยากาศในการนอน

ห้องนอนที่เหมาะกับการนอนคือ ห้องที่เงียบ สงบ ไม่มีเสียงดังรบกวน และแสงไฟไม่สว่างจนเกินไป คุณแม่ควรหรี่ไฟให้สลัวหรืออาจเปิดเพียงโคมไฟเล็กๆ เพราะถ้าแสงไฟมากเกินไปอาจทำให้ลูกหลับไม่สนิท หรือสะดุ้งตื่นได้ในตอนกลางคืน

เสียงเพลงช่วยได้

ให้คุณแม่ลองเปิดเพลงกล่องเบาๆ เลือกเพลงที่ฟังง่าย ฟังสบาย จังหวะเหมาะกับการนอน แนะนำว่าให้ร้องเพลงกล่อมหรือเปิดเพลงกล่อมร่วมกับการอุ้มลูกแนบอกไปด้วย จะยิ่งทำให้ลูกหลับง่ายและหลับสบายมากขึ้นค่ะ

ฝึกให้ลูกนอนเป็นเวลา

คุณแม่ควรให้ลูกทำกิจวัตรประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการตื่น การนอน การทานอาหาร หรือแม้กระทั่งการอาบน้ำ ทำในเวลาเดิมทุกๆ วัน จะช่วยทำให้ลูกคุ้นเคย และร่างกายของเขาสามารถปรับเวลาโดยอัตโนมัติ เมื่อถึงเวลาลูกก็จะง่วงและอยากนอนเอง โดยที่ลูกไม่รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้นอนค่ะ

อิ่มก่อนเข้านอน

เมื่อลูกอิ่ม ก็จะรู้สึกสบายตัว อยากนอนและหลับง่ายขึ้น เพราะเด็กทารกส่วนใหญ่ที่ตื่นมากลางดึกก็เพราะหิวนั่นเอง ดังนั้นคุณแม่ควรให้ลูกกินอิ่มก่อนเข้านอนประมาณ 30 นาที หรือ 1 ชั่วโมง เพื่อให้กระเพาะมีการย่อยอาหารบางส่วนไปก่อน จะทำให้หลับสบาย และป้องกันอาการท้องอืด ปวดท้องของลูก

ลูบหลังตบก้น 

สัมผัสอย่างต่อเนื่องจากแม่ จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย คุณแม่ลองใช้มือลูบหลังลูกเบาๆ หรือใช้ฝ่ามือตบก้นเบาๆ กล่อมให้ลูกหลับ วิธีนี้อาจทำร่วมกับการร้องเพลงไปด้วยก็จะช่วยให้ลูกนอนหลับฝันดีค่ะ

 

ที่มา – bangkokhealth

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เพลงฮิตที่คุณแม่มักกล่อมลูกน้อยหลับ
กิจกรรมของครอบครัว
วิธีรับมือเมื่อลูกอาละวาด
เด็กอายุ 2-5 ขวบ
พาทัวร์โปรโมชั่นเด็ดงาน Baby&Kid Best Buy 1-4 มิ.ย.
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save