fbpx

4 ความเชื่อผิดๆ ของคุณแม่เกี่ยวกับวิธีการให้นมลูกน้อย

Writer : nunzmoko
: 29 พฤษภาคม 2562

ไม่มีสิ่งใดดีต่อทารกยิ่งไปว่าน้ำนมแม่ แต่ด้วยความไม่เข้าใจหรือมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการให้นมลูกโดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ ก็อาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยได้เช่นกัน วันนี้มี 4 เชื่อความผิดๆ เกี่ยวกับการให้นมลูกที่คุณแม่มักเข้าใจผิดมาฝากกัน ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องมากขึ้นค่ะ

1. ลูกหลับตอนให้นมแสดงว่าลูกอิ่มแล้ว

ลูกหลับตอนให้นมแสดงว่าลูกอิ่มแล้ว ไม่จริง!

คุณแม่หลายๆ ท่านอาจจะนึกดีใจทุกครั้งที่ลูกหลับไป ยิ่งหลับในช่วงให้นมด้วยแล้วก็ยิ่งหมดห่วงเพราะคิดว่าลูกอิ่มท้องเลยเผลอหลับไป ซึ่งความจริงแล้วอาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เพราะการที่ลูกเผลอหลับส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะได้ใกล้ชิดและได้รับความอบอุ่นจากแม่มากกว่า ไม่ใช่เพราะกินอิ่ม นั่นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อพัฒนาการทางร่างกายของลูกน้อยเลย ในเมื่อกินนมไม่พอ สารอาหารที่ไปหล่อเลี้ยงร่างกายเขาก็ไม่ครบตามไปด้วย ทางที่ดีหากสังเกตว่าลูกของเราจะเผลอหลับไประหว่างให้นม คุณแม่ควรจับลูกน้อยเปลี่ยนเต้าไปอีกข้างเพื่อกระตุ้นให้เขาตื่นนอนเพื่อกินนมจนอิ่ม หรือวางเขาลงที่นอนก่อนสักครู่แล้วค่อยป้อนนมต่อได้

2. ทำความสะอาดหัวนมทุกครั้งก่อนให้ลูกดูดนมแม่

ทำความสะอาดหัวนมทุกครั้งก่อนให้ลูกดูดนมแม่ ไม่จริง!

การให้ทารกดื่มนมผสมนั้นต้องใส่ใจระมัดระวังเรื่องความสะอาด เพราะนมผสมนอกจากจะไม่ได้ช่วยป้องกันทารกต่อต้านการติดเชื้อแล้ว แต่ยังเป็นแหล่งที่ดีในการแพร่เชื้อแบคทีเรียและยังสามารถปนเปื้อนได้อย่างง่ายดายอีกด้วย  ในทางตรงข้าม นมแม่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อให้แก่ทารก การล้างทำความสะอาดหัวนมก่อนการให้นมลูกแต่ละครั้งนั้นทำให้เกิดความยุ่งยากในการให้นมลูกโดยไม่จำเป็นเลย และยังเป็นการชะล้างเอาพวกไขมันตามธรรมชาติซึ่งช่วยต่อต้านแบคทีเรียออกไปจากบริเวณหัวนมด้วย

3. ถ้าแม่ป่วยแล้วต้องหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่

ถ้าแม่ป่วยแล้วต้องหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ไม่จริง!

แม้ว่าคุณแม่จะป่วย แต่ไม่มีผลกับสุขภาพของลูกแน่นอน คุณแม่สามารถให้นมกับลูกได้ตามปกติ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายของลูก ยิ่งคุณแม่ให้ลูกน้อยดูดนมมากเท่าไหร่ ลูกก็จะมีภูมิต้านทานมากเท่านั้น ยกเว้นเพียงบางกรณีเท่านั้น ซึ่งจริงๆ แล้วเมื่อแม่เป็นไข้ (หรือไอ, อาเจียน, ท้องร่วง, ผื่นแพ้ ฯลฯ) ทารกก็ได้รับเชื้อโรคจากแม่แล้ว ตั้งแต่แม่ได้รับเชื้อโรคมาแล้วสองสามวัน ก่อนที่แม่จะรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเสียอีก การปกป้องทารกจากการติดเชื้อหรือโรคติดต่อที่ดีที่สุดนั้นก็คือ การที่แม่ยังคงเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ต่อไป ถ้าทารกป่วย เขาจะป่วยไม่มากนักถ้าแม่ยังคงเลี้ยงลูกด้วยนม

นอกจากนี้ อาจจะเป็นทารกเองที่ป่วยและแม่ได้รับเชื้อโรคจากลูก เพียงแต่ทารกไม่ได้แสดงอาการป่วยเพราะว่าทารกนั้นได้ดื่มนมแม่ เช่นเดียวกันกับการติดเชื้อที่เต้านมของแม่ ซึ่งได้แก่ ฝีที่เต้านม หรือแม้แต่การเจ็บคัดเต้านมก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ต้องหยุดการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพราะการติดเชื้อที่เต้านมนั้นดูเหมือนจะหายได้อย่างรวดเร็วกว่า ถ้าแม่ยังคงเลี้ยงลูกด้วยนมแม่โดยให้ลูกดูดนมข้างที่เป็นนั้นต่อไป

4. เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำนมหรือน้ำนมไม่พอ

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่ได้ เพราะไม่มีน้ำนมหรือน้ำนมไม่พอ ไม่จริง!

ไม่จริงค่ะ เพราะผู้หญิงที่เป็นแม่ส่วนใหญ่มีนมสำหรับลูกเกินพอเสียอีก การที่ทารกบางคนร้องมากๆ ในช่วงสัปดาห์แรกไม่ใช่เพราะนมแม่ไม่พอ แต่เป็นเพราะการดูดไม่ถูกต้อง ทำให้ทารกไม่ได้รับน้ำนมที่มีอยู่ในอกแม่อย่างที่ต้องการ เมื่อดูดไม่ถูกต้อง ลูกก็จะร้องเพราะไม่ได้น้ำนม วิธีแก้ปัญหาคือให้ลูกดูดให้ถูกวิธี ดูดบ่อยๆ ในวันแรกๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำนม ซึ่งคุณแม่หลายคนคิดว่าตัวเองไม่มีน้ำนมแล้วแก้ปัญหาด้วยการให้นมผสมหยุดให้ลูกดูดนมจากเต้า พอหลายๆ วันเข้าร่างกายของคุณแม่ก็จะตอบสนองด้วยการหยุดสร้างน้ำนมจริงๆ เพราะร่างกายคิดว่าไม่มีความต้องการแล้ว จึงไม่ผลิตนั่นเอง

การให้นมลูกเป็นเรื่องละเอียดอ่อนโดยเฉพาะกับเด็กเล็กๆ เพราะส่งผลถึงสุขภาพและพัฒนาการของลูก ซึ่งถ้าหากคุณแม่ไม่แน่ใจเรื่องไหนแนะนำให้ปรึกษาสูตินารีแพทย์ผู้ดูแลคุณแม่และลูกน้อยจะดีที่สุดค่ะ

ที่มา – breastfeedingthaibaby.kapok

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



8 หลักสูตรสอนคุณพ่อให้เลี้ยงลูกเป็น
กิจกรรมของครอบครัว
จะรู้ได้ยังไงว่าลูกแพ้นมวัว?
ช่วงวัยของเด็ก
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save