fbpx

ทำไมลูกถึงไม่พูด เเล้วจะทำอย่างไรดี ?

Writer : Mookky TCN
: 9 พฤศจิกายน 2560

ปัญหาเรื่องลูกพูดช้าค่อนข้างน่ากังวลสำหรับคุณพ่อคุณเเม่ ซึ่งตามหลักของพัฒนาการในช่วง 2 ขวบ เด็กจะเริ่มพูดได้เป็นคำๆ เเละประมาณ 3 ขวบจะเริ่มพูดเป็นประโยคได้ เราลองมาหาคำตอบกันว่าการพูดช้ามีสาเหตมาจากอะไร เเละจะช่วยลูกอย่างไรได้บ้าง

เกิดจากอะไร

  • ปัญหาด้านการได้ยิน  ต้องตรวจสอบดูว่าเด็กมีหูที่ปกติหรอไม่ ทั้งหูชั้นนอก หูชั้นกลาง หูชั้นใน ถ้าอวัยวะผิดปกติจะมีผลต่อการได้ยิน
  • ปากแหว่งเพดานโหว่ เป็นความพิการบนใบหน้า ที่ต้องเข้าผ่าตัดรับการแก้ไข
  • ภาวะออทิสติกเทียม เกิดจากการใช้สื่อ เล่น ipad ดูโทรทัศน์ มากจนเกินไป จุดสังเกตคือ เด็กไม่พูด ไม่ยอมสบตาใคร ชอบนั่งดูสิ่งของที่หมุนได้ เช่น ล้อจักรยาน พัดลม  เเละไม่พูดบอกว่าตัวเองต้องการอะไร เเต่จะจูงมือไปเอาสิ่งของให้
  • สับสนกับภาษา เนื่องจากคนในบ้านใช้หลายภาษามากจนเกินไป จนเด็กเกิดความสับสน จนพาลให้ไม่พูดในที่สุด
  • ภาวะดาวน์ซินโดรม ทำให้พูดช้า พูดไม่ชัด มีจุดสังเกตคือเด็กจะไม่มีเส้นลายมือ เเละหน้าตาจะค่อยข้างคล้ายๆ กัน

ทำอย่างไรดีเมื่อลูกไม่พูด

เมื่อพบสาเหตว่าลูกไม่พูดเพราะอะไรก็จะแก้ไขได้ง่ายขึ้น ซึ่งนอกเหนือจากความผิดปกติทางร่างกายคุณพ่อคุณเเม่สามารถช่วยลูกให้มีพัฒนาการทางการพูดเพิ่มขึ้นได้

เล่นกับลูก

ต้องเล่นกับลูกบ่อยๆ พยายามพูดคุยกับเด็ก ซึ่งในการเล่นจะต้องใส่อารมณ์ความรู้สึกให้สนุก เช่น พูดไปพร้อมตบมืออย่างสนุกสนาน ควรเลี่ยงคำที่เป็นคำสั่งกับลูก เพราะจพทำให้เกิดความเครียด หรือชวนลูกออกไปเล่นนอกบ้านที่สนามหญ้าบ้าง ให้เด็กได้เพลิดเพลินกับสิ่งรอบตัว

พูดให้ตรงสถานการณ์

ความจริงเเล้วเด็กๆ เรียนรู้ผ่านสถานการณ์ เช่น จำคำว่า “หม่ำ” ได้ตอนที่กำลังทานข้าวเเล้วเเม่พูดว่า “หม่ำๆ กัน” ดังนั้นเมื่อทำอะไรก็ควรพูดย้ำๆ บ่อยๆ ให้เด็กจำได้ หรือกำลังเล่นกันอยู่ก็พูดว่า “เย่ๆ สนุกจังเลย” เป็นการเรียนภาษาตามวิธีธรรมชาติที่เด็กจะเชื่อมโยงภาษาเข้ากับสมอง

หยุดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เลี้ยงลูก

เด็กหลายคนที่ไปพบคุณหมอด้วยอาการไม่พูดเลย เมื่อตรวจสอบดีๆ ก็พบว่าคุณพ่อคุณเเม่ใช้ ipad TV เปิดให้ลูกดูเรื่อยๆ เพราะเมื่อเปิดเเล้วเด็กจะนั่งนิ่ง เรียบร้อย ไม่กวน เเต่เป็นการทำให้เด็กไม่ได้เรียนรู้การสื่อสาร เพราะการเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นการสื่อสารด้านเดียว ไม่มีการโต้ตอบ ทางที่ดีไม่ควรให้เด็กๆ เล่นเลยจนกว่าจะอายุ 2 ขวบ

นอกจากวิธีดังกล่าวเเนะนำให้ลองปรึกษาคุณหมออย่างใกล้ชิดด้วย เเละถึงเเม้ว่าลูกจะพูดช้า/ไม่พูด ก็ไม่ได้หมายความจะต้องมีอาการแบบนั้นตลอดไป ปัญหานี้เป็นแก้ไขได้ เเละควรช่วยลูกให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยให้นานไว้เพื่อที่เด็กจะได้มีพัฒนาการที่ดี เข้าสังคมได้อย่างมีความสุขค่ะ

ขอบคุณ – Yahoo

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save