fbpx

เตือนภัยพ่อแม่ คิดก่อนโพสต์รูปลูกก่อนจะเกิดอันตราย

Writer : Jicko
: 23 มีนาคม 2564

เชื่อเลยว่าพ่อแม่ส่วนใหญ่ถ้ามีลูก ก็มักจะถ่ายภาพต่างๆ ในชีวิตประจำวันของลูกเก็บกันไว้อยู่แล้ว ซึ่งการเก็บของแต่ละคนส่วนใหญ่ก็มักจะเก็บไว้บนโลกโซเชียลค่ะ จริงๆ มันก็อาจจะดูไม่มีพิษไม่มีภัย พ่อแม่อย่างเราเองก็ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีในการลงรูป

ซึ่งรู้ไหมคะว่ามันเป็นอันตรายกับเด็กๆ มากแค่ไหน เพราะทุกครั้งที่เราคลิกโพสต์ ก็เหมือนเป็นการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันให้กับคนแปลกหน้าได้เช่นกันค่ะ

Sharenting (n.) เกิดจากคำว่า Share + Parenting

ใช้เรียกกิจกรรมที่พ่อแม่ยุคใหม่ชอบโพสต์ และแชร์ภาพลูกจนเกินพอดี ซึ่งอาจนำไปสู่การเผยข้อมูลส่วนตัวและรายละเอียดกิจกรรมที่เด็กๆ ทำ จนทำให้ส่งผลกระทบได้ในอนาคต

เช็คพฤติกรรมเราลงรูปลูกเกินไปหรือเปล่า

  • ลูกหกล้มร้องไห้ เราหยิบมือถือถ่ายก่อนจะช่วยเหลือ
  • เพื่อนๆ เริ่มอันฟอลโลว์เรา เนื่องจากลงรูปลูกซ้ำๆ จำนวนมาก
  • วันไหนที่ไม่ลงรูป คนอื่นมักจะถามว่าลูกเป็นอะไรหรือเปล่า

พ่อแม่สร้างเรื่องราวออนไลน์ให้ลูกยังไง

  • โพสต์ภาพลูกเพื่อเรียกคะแนนความสนใจและการกดไลก์จากเพื่อนๆ
  • อัปโหลดข้อมูลส่วนตัวลูกบนโลกอินเทอร์เน็ต เช่น ชื่อโรงเรียน ชื่อนามสกุลจริงของลูก ข้อมูลสุขภาพ
  • แชร์สถานที่ที่ลูกอยู่หรือเคยไปเสมอ เช่น บ้าน โรงเรียน สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
  • แชร์ภาพหรือข้อความเกี่ยวกับลูกที่ไม่เหมาะสม
  • แชร์ทุกอย่างโดยเปิดเป็นสาธารณะเสมอ

ส่งผลกับลูกตอนโตยังไงบ้าง

1. ก่อให้เกิดอันตรายต่อตัวเด็ก

เพราะการเผยแพร่ภาพลูกแต่ละครั้ง มันอาจจะไม่ใช่แค่การอวดความน่ารักของลูกแล้ว แต่มันยังเป็นการแสดงออกถึงข้อมูลพื้นฐานของเด็กๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น อายุ โรงเรียน ข้อมูลกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอันตรายต่อตัวเด็กมากนั่นเองค่ะ

2. เด็กสูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะพ่อแม่สร้างตัวตนให้กับเด็กเองแบบที่เขาไม่ได้ต้องการ

พ่อแม่หลายคนมักจะสร้างตัวตนให้กับลูกบนโลกโซเชียลในแบบที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นน่ารักตลอดเวลา ซึ่งนี่จะทำให้เด็กๆ สูญเสียความเป็นตัวเอง เพราะพ่อแม่มีการจัดการให้เรียบร้อยเพื่อให้ภาพออกมาดูดีในสายตาคนอื่น ทำให้เด็กๆ ขาดธรรมชาติได้ เพราะต้องดูดีต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งเป็นปัญหาตามมาในอนาคตลูกได้ค่ะ

3. สภาพจิตใจในอนาคตของลูก

เช่น พ่อแม่โพสต์รูปลูกตอนเด็กๆ แบบเปลือย ซึ่งพอเขาโตขึ้น ภาพนี้มันก็ยังอยู่ตลอดบนโลกโซเชียล มันอาจจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของลูกได้เมื่อพวกเขาโตขึ้น หรือเด็กหลายคนไม่ชอบที่โตไปแล้วมีคนรู้จักมากมาย เป็นที่รู้จักของสาธารณะชน ซึ่งตัวตนนั้นเด็กๆ อาจจะไม่ได้ต้องการมาตั้งแต่ตนนั่นเองค่ะ

อ้างอิงจาก : Rama channel, adaymagazine, คลังความรู้ SciMath

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7  วิธี พิชิตการทานยากของเด็ก
ชีวิตครอบครัว
ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
เพราะแม่จะเป็นใครก็ได้
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save