fbpx

รับมืออย่างไรกับปัญหาการขับถ่ายของลูกวัย 0-3 ขวบ ทั้งท้องผูกและท้องเสีย

Writer : Lalimay
: 4 ตุลาคม 2561

เด็กเล็กยังบอกไม่ได้ว่าเขากำลังรู้สึกไม่สบายตรงไหน คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และดูอาการของลูกในเบื้องต้น เพื่อที่จะได้รับมือกับปัญหาสุขภาพของลูกที่เกิดขึ้นได้ โดยในวันนี้เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาดูปัญหาเรื่องการขับถ่ายของลูก ทั้งท้องผูกและท้องเสียซึ่งวิธีการดูนั้นจะดูที่ลักษณะของอึเป็นหลัก ไม่ใช่จำนวนครั้งในการถ่าย นอกจากนี้ยังมีวิธีการดูแลมาฝากด้วย ไปดูกันเลยค่า

ท้องผูก

ส่วนมากเด็กที่กินนมผสมจะเกิดโอกาสท้องผูกได้มากกว่าเด็กที่กินนมแม่ โดยลูกจะอึแข็ง มีก้อนกลมๆ เล็กๆ หรือมีขนาดใหญ่ จนทำให้อึลำบาก ไม่อยากอึเพราะรอยแผลบาดที่รูก้น อาจมีเลือดปนเล็กน้อย บางครั้งก็จะมีการคั่งค้างที่ผิดปกติซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติของลำไส้

สาเหตุ

  • กินอาหารไม่เหมาะสม ถ้าเป็นในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 เดือนแล้วให้นมผสมคือผสมนมไม่ถูกสัดส่วน หรือถ้ากินนมแม่อาจจะได้รับนมน้อยเกินไป แต่ถ้าอายุเกิน 6 เดือนแล้วลูกอาจจะกินแต่นม ไม่ยอมกินข้าวและผักหรือดื่มน้ำน้อย
  • ลูกชอบกลั้นอึบ่อยๆ เพราะเจ็บก้นจากท้องผูกเรื้อรัง
  • สภาวะแวดล้อมเปลี่ยนเปลี่ยนแปลง เช่น การเข้าโรงเรียนใหม่ การเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ทำให้เด็กยังปรับตัวไม่ได้ หรือการที่ลูกถูกบีบบังคับในการฝึกขับถ่าย
  • อาจเกิดจากโรคบางอย่าง เช่น โรคที่มีไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ เด็กมักมีปัญหาพัฒนาการช้าร่วมด้วย

วิธีดูแล

  • สำหรับเด็กทารกที่อายุต่ำว่า 6 เดือน ให้นมลูกในปริมาณที่เหมาะสม คือ 1 ออนซ์ ต่อ 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นนมผสมก็ควรผสมนมให้ถูกสัดส่วน
  • เมื่ออายุเกิน 6 เดือนให้ลูกกินอาหารที่มีกากใยมากขึ้นและดื่มน้ำมากๆ
  • ฝึกให้ลูกอึทุกวันหลังอาหารเช้าสัก 5-10 นาที ถ้าลูกต้านการใช้กระโถนก็ไม่เป็นไร รอจนกว่าลูกจะพร้อมแล้วค่อยฝึกใหม่
  • ให้ลูกได้ขยับร่างกาย ถ้ายังเป็นเด็กทารกก็อาจจะช่วยนวดกระตุ้นขา หรือปั่นจักรยานกลางอากาศ

ท้องเสีย

ลูกจะมีอาการอึเหลวอย่างน้อย 3 ครั้งต่อวัน หรืออึมีมูกปนเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง หรืออึเป็นน้ำจำนวนมากกว่า 1 ครั้งขึ้นไปในเวลา 1 วัน อึมีกลิ่นเหม็นเหมือนหัวกุ้งเน่า

สาเหตุ

  • เกิดจากการติดเชื้อบางชนิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบคทีเรีย อึค่อนข้างเหลว ถ่ายเป็นน้ำพุ่ง ก้นแดงและอาจมีอาการท้องอืดร่วมด้วย
  • การดูดซึมสารอาหารที่ผิดปกติ เด็กจะเริ่มด้วยการท้องเสีย อาจมีอาการเรื้อรังมากกว่า 2 อาทิตย์ ควรรีบพามาพบแพทย์
  • การปนเปื้อนของน้ำและอาหารที่กินเข้าไป หรือจากมือที่ไม่สะอาด

วิธีดูแล

  • เด็กที่กินนมแม่ก็ให้กินต่อไป
  • เด็กที่เริ่มกินข้าวบด ให้กินโจ๊กใส่เกลือครั้งละน้อยๆ จนกว่าลูกจะอึนิ่มเหมือนยาสีฟัน
  • ถ้ามีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง หิวน้ำ ให้กินสารน้ำทดแทนที่มีอยู่ในบ้าน เช่น น้ำข้าวใส่เกลือ หรือน้ำต้มสุกผสมน้ำตาลทรายและเกลือในอัตราส่วน น้ำ 1 แก้ว : น้ำตาลทราย 2 ช้อนปาด : เกลือ 2 หยิบมือ หรือชงผงโออาร์เอส (ORS) ให้ลูกดื่ม
  • หากมีไข้สูงหรืออาการไม่ดีขึ้น หรือขาดน้ำมาก เช่น ตาโหล ฉี่น้อยลง กินไม่ได้ ควรไปพบแพทย์

ข้อมูลอ้างอิงจาก : สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย

 

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



จะรู้ได้ยังไง ว่าลูกเป็น “สมาธิสั้น”
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save