fbpx

ลูกเราไฮเปอร์เกินไป คุณแม่รับมือยังไงดี

Writer : giftoun
: 8 พฤศจิกายน 2560

“เด็กไฮเปอร์” หรือกลุ่มเด็กสมาธิสั้น คือ เด็กที่ไม่สามารถทนกับสภาพความอยู่เฉยๆ ได้ พูดง่ายๆ คือ มีอาการซนมากกว่าปกติ วอกแวกง่าย และมีอาการหุนหันพลันแล่น ทำให้คุณแม่ของเด็กกลุ่มนี้ต้องรับบทหนักมากกว่าคุณแม่คนอื่นๆ แล้วจะมีวิธีรับมือได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเป็นข้อๆ เลยค่ะ

ทำจิตใจให้สงบ

ทำจิตใจให้สงบ ได้แก่ ไม่ตะโกนใส่ลูก เวลาลูกไม่เชื่อฟัง หรือ เวลาที่ลูกไม่ยอมนั่งทำการบ้านดีๆ แต่แน่นอนว่าคุณแม่ทุกคนนั้นย่อมมีโอกาสหมดความอดกลั้นเป็นบางครั้ง พ่อแม่ทุกคนเคยตะโกนใส่ลูกมาแล้วทั้งสิ้น หากเกิดขึ้น ให้คุณแม่ขอโทษลูกทันทีและแสดงให้ลูกรู้ว่า คุณแม่ยังรักลูกเหมือนเดิม โดยที่อธิบายให้ลูกเข้าใจว่า แม่ไม่ได้ไม่พอใจลูก แต่เป็นที่การกระทำของลูกต่างหากและสอนว่าควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร

จำกัดสื่อทุกชนิดในบ้าน

จำกัดสื่อทุกชนิดในบ้าน เด็กหลายคนไม่สามารถตัดเสียงรบกวนขณะที่กำลังใช้ความคิดได้เหมือนผู้ใหญ่ เช่น การเปิดทีวีขณะลูกทำการบ้านอยู่ จะทำให้ลูกไม่มีสมาธิ ควรจำกัดเวลาในการดูทีวี เกมส์คอมพิวเตอร์ โปรแกรมบันเทิงต่างๆ ไม่เกินวันละ 1 ชม. โดยสมาคมกุมารแพทย์ของอเมริกาเตือนว่า การดูทีวีในเด็กเล็กสัมพันธ์กับการทำให้เด็กเป็นโรคสมาธิสั้น และแนะนำว่าไม่ให้มีทีวีในห้องนอนของลูก และอย่าเปิดทีวีทิ้งไว้หากไม่ได้คนดูค่ะ

พาลูกไปตรวจการได้ยินและตรวจสายตา

พาลูกไปตรวจการได้ยินและตรวจสายตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากลูกเริ่มมีปัญหาการเรียน เพราะหากเด็กมีปัญหามองไม่ชัดหรือไม่ได้ยิน ส่วนใหญ่จะมาบอกคุณแม่ไม่เป็น หลายครั้งพบว่า เด็กที่คุณครูคิดว่าเป็นเด็ก สมาธิสั้น ที่จริงแล้วเป็นเพียงเด็กที่มีปัญหาสายตาไม่ดี

อย่าทะเลาะกัน หรือ โต้เถียงกันให้ลูกเห็น

เพราะการทะเลาะกันหรือโต้เถียงเรื่องลูกให้ลูกเห็นจะทำให้ลูกเครียด กลัวว่าจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อแม่มีเรื่องกัน หรือ หย่าร้างกัน อาจจะทำให้ลูกเครียดจนเป็นไฮเปอร์ก็เป็นได้ค่ะ

ใช้เวลาคุณภาพกับลูกทุกๆ วัน

ใช้เวลาคุณภาพกับลูกทุกๆ วัน แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เช่น อ่านหนังสือด้วยกัน เล่นเกมส์กระดานหมากฮอส ระบายสีหรือทำศิลปะหัตถการ หรือ อาจเป็นกิจกรรมนอกบ้าน เช่น บาสเกตบอล เทนนิส ไปวิ่งเล่นในสวน

รักษาระเบียบวินัย และมีกฎระเบียบที่แน่นอน

แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายในการฝึกระเบียบวินัยให้เด็กไฮเปอร์ แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องปลูกฝังโดยเน้นกฎเกณฑ์ได้ทีละน้อยก่อน และค่อยขยายไปเรื่องอื่นที่มีความสำคัญรองลงมา คุณพ่อคุณแม่ควรมีความชัดเจนและสม่ำเสมอในการรักษากฎเกณฑ์โดยหลีกเลี่ยงคำ และห้ามตีพร่ำเพรื่อ

ช่วยหาทางออกให้เด็กได้ระบายพลังงานส่วนเกิน

ช่วยหาทางออกให้เด็กได้ระบายพลังงานส่วนเกิน ด้วยการให้ลูกเล่นกีฬา เพื่อใช้พลังงานที่มีไม่จำกัดของเด็กไฮเปอร์ ยกตัวอย่าง เช่น นักกระโดดน้ำเหรียญทองโอลิมปิค Michael Phelps เป็นโรคสมาธิสั้น หลังจากกินยาต่อเนื่องมา 4 ปี พบว่ายาไม่ช่วยอะไร จึงปรึกษาแพทย์ ค่อยๆหยุดยา แล้วใช้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยใช้พลังงานอันมีเหลือเฟือไปกับการฝึกว่ายน้ำจนประสบความสำเร็จในที่สุด

อย่าทำให้ลูกเหนื่อยล้า

เพราะเด็กที่ไฮเปอร์มักมีความอดทนต่อความเครียดต่ำ อาจระเบิดอารมณ์ หรือการแสดงออกที่ควบคุมตนเองไม่ได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้นคุณแม่จึงควรคอยสังเกตให้ดีว่าลูกน้อยนั้นเหนื่อยเกินไปหรือยัง จะทำให้ลดอาการเหล่านี้ได้ค่ะ

หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปในสถานที่ที่ต้องการความสงบ

การที่เด็กไปแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ที่ต้องการความสงบ เช่น วัด หรือภัตตาคารหรูๆ อาจถูกว่ากล่าวทำให้เด็กรู้สึกกระดากอายได้ ทางที่ดี ควรฝึกเด็กให้รู้จักควบคุมตนเองได้ดีที่บ้านก่อน แล้วจึงค่อยๆ พาไปในสถานที่ดังกล่าวจะสบายใจทั้งคุณแม่และลูกค่ะ

มีเวลาพักสำหรับคุณแม่บ้าง

การที่ต้องอยู่กับเด็กไฮเปอร์ตลอด 24 ชั่วโมง อาจทำให้คุณแม่เหนื่อยเกินไป ควรมีเวลาพักเพื่อที่จะมีเรี่ยวแรงมาดูแลเด็กได้อีก คุณพ่อ หรือพี่เลี้ยงเป็นผู้ที่ช่วยได้มากทีเดียว ควรช่วยผลัดกันอยู่กับเด็กบ้าง หรือการที่คุณพ่อคุณแม่ได้มีเวลาออกไปนอกบ้านตามลำพังเพียงสองคนบ้าง จะช่วยให้คุณแม่หายเหนื่อยและมีกำลังใจขึ้นอย่างมากทีเดียวค่ะ

และทั้งหมดคือการรับมือเมื่อมีลูกมีอาการไฮเปอร์ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสมนะคะ แต่หากอาการลูกน้อยนั้นเกินที่คุณแม่จะรับมือได้ควรไปปรึกษาคุณหมอค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
16 พฤศจิกายน 2560
วิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save