fbpx

ขมิบบ่อยๆ ก็ดีนะ! ชวนคุณแม่รู้จักการออกกำลังกายแบบคีเกล (Kegel Exercise)

: 10 กุมภาพันธ์ 2564

เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องการออกกำลังกายคีเกล (Kegel Exercises) กันมาบ้างแล้ว การออกกำลังกายคีเกลก็คือการขมิบเพื่อบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ซึ่งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานนั้นช่วยรองรับอวัยวะภายในอย่างลำไส้ กระเพาะปัสสาวะและมดลูก กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ ผ่านอายุที่มากขึ้น และน้ำหนักที่เรามี โดยเฉพาะการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรที่ส่งผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเป็นอย่างมาก

ซึ่งวิธีที่เราจะคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ ก็คือการออกกำลังกายคีเกลนี่เอง และถึงแม้ว่าเราจะได้ยินมาว่าออกกำลังกายคีเกลเหมาะกับผู้หญิง แต่ที่จริงแล้วคุณผู้ชายก็ทำได้เหมือนกัน! เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

ทำไมต้องออกกำลังกายแบบคีเกล?

จากที่เรากล่าวไว้ข้างต้น การออกกำลังกายแบบคีเกลนั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของคุณแม่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งข้อดีของการบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานมีดังนี้

  • ป้องกันปัสสาวะและอุจจาระเล็ด
  • ช่วยให้ฟื้นตัวหลังคลอดไวขึ้น
  • ป้องกันปัญหาช่องคลอดฉีดขาดจากการคลอดแบบธรรมชาติ
  • ป้องกันริดสีดวงทวาร
  • ป้องกันปัญหามดลูกต่ำหรือผนังช่องคลอดหย่อน
  • ช่วยให้ชีวิตรักไม่น่าเบื่อ! เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ

แต่การออกกำลังกายคีเกลนั้นไม่ได้ส่งประโยชน์ให้ผู้หญิงอย่างเดียว ผู้ชายเองก็สามารถบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้เหมือนกันค่ะ!

แล้วกล้ามเนื้ออยู่ตรงไหน?

การออกกำลังกายแบบคีเกลนั้นก็เหมือนกับการเบ่งปัสสาวะหรือผายลมแล้วอั้นไว้ ควบคุมกล้ามเนื้อที่ปล่อยการไหลของปัสสาวะ เมื่อกล้ามเนื้อเกร็ง คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกได้ว่าอวัยวะเพศและรูทวารนั้นยกและตึงขึ้น ก็แปลว่าหาเจอแล้ว ส่วนนั้นก็คือส่วนของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานนั่นเองค่ะ ระหว่างการออกกำลังกายคีเกลนั้น ควรไม่รู้สึกเกร็งในช่วงกล้ามเนื้อส่วนต้นขา ลำตัวและบั้นท้ายนะคะ

 

ออกกำลังกายแบบคีเกลได้ง่ายๆ

หลังจากเราหากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานเจอ ก็สามารถออกกำลังกายแบบคีเกลได้แล้ว ซึ่งวิธีก็ไม่ยากเลย สามารถทำได้ระหว่างทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะรับประทานอาหาร ดูหนัง ขับรถ ก็สามารถบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานได้ไม่ยากเลยค่ะ

  • ปัสสาวะให้เรียบร้อย ยืน นั่ง หรือนอนก็ได้
  • เกร็งกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน (กลั้นปัสสาวะหรือผายลม) 5 วินาที และผ่อนลงอีก 5 วินาที
  • ทำซ้ำ 10 ครั้ง เป็นจำนวน 3 รอบต่อวัน (เช้า กลางวัน เย็น)
  • เมื่อทำจนชินแล้ว ค่อยเพิ่มระยะเวลาการขมิบให้นานขึ้นเป็น 10 วินาที

 

อย่าลืม! สิ่งที่ไม่ควรมองข้าม

  • อย่าลืมหายใจ: ระหว่างเกร็งกล้ามเนื้อ เราอาจจะลืมหายใจได้ สามารถนับเลขหรือพูดคุยให้ไม่เผลอกลั้นหายใจได้ค่ะ
  • ทำแต่พอดี: ควรออกกำลังกายคีเกลเป็นประจำ แต่อย่าทำบ่อยจนเกินไป แค่ 10-15 ครั้งต่อรอบ 3 รอบต่อวันก็เพียงพอแล้ว มากเกินไปอาจทำให้ปวดกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน และส่งผลต่อการถ่ายของเสียได้ค่ะ
  • เปลี่ยนระยะเวลา: เพื่อความหลากหลาย สามารถสลับทำจาก 5 วินาที เป็น 2-3 วินาทีต่อครั้งก็ได้
  • อย่าทำระหว่างปัสสาวะ: เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ และส่งผลเสียต่อกระเพาะปัสสาวะกับไตได้ค่ะ
Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



คำอวยพรของคนได้เป็นแม่ครั้งแรก
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save