fbpx

ภาวะขาดธรรมชาติ ภัยเงียบที่พ่อแม่อาจไม่เคยรู้

Writer : Lalimay
: 6 มกราคม 2564

ในปัจจุบันโรคภัยเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ ซึ่งในวันนี้เราก็มีข้อมูลเกี่ยวกับภาวะนึง ที่เด็กยุคนี้เริ่มเป็นกันมากขึ้นรวมไปถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆ ด้วย คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจไม่เคยได้ยินหรือรู้จักภาวะนี้มาก่อน นั่นก็คือ “ภาวะขาดธรรมชาติ” ดังนั้นเราไปทำความรู้จักเรื่องนี้กันเลยดีกว่าค่ะ บอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด

ภาวะขาดธรรมชาติคืออะไร ?

ภาวะขาดธรรมชาติ หรือ Nature Deficit Disorder (NDD) เป็นภาวะที่เด็กจะมีปัญหาทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม จากการที่ไม่ได้ออกไปใช้เวลากับกิจกรรมนอกบ้าน หรือได้ไปสัมผัสธรรมชาติ เพราะเด็กในปัจจุบันอาจไม่ได้มีโอกาสออกมาเล่นข้างนอกบ้าน ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ เหมือนสมัยที่เรายังเด็ก ที่ได้มาเล่นดิน เก็บดอกไม้ เด็ดต้นไม้ใบหญ้านั่นเอง

ซึ่งจริงๆ แล้วภาวะนี้ยังไม่ได้มีการระบุทางการแพทย์อย่างชัดเจนว่าเป็นโรคทางจิตเวชเด็ก แต่คำนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นเมื่อปี 2005 ในหนังสือ Last Child in the Woods ที่เขียนขึ้นโดย Richard Louv นักข่าวและนักสารคดีชาวอเมริกัน ที่แสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมเหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริงๆ ในเด็กค่ะ แต่จริงๆ แล้ว ผู้ใหญ่ก็เสี่ยงภาวะนี้ไม่น้อยเลยนะคะ เพราะเราก็ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอ จนแทบไม่ออกไปสัมผัสธรรมชาติเหมือนกัน

ถ้าสงสัยว่า เอ๊ะ แล้วเราหรือลูกเข้าข่ายรึเปล่า งั้นลองสังเกตลูกดูค่ะ ว่าเขามีอาการเหล่านี้หรือไม่ ถ้ามีก็อาจเข้าข่ายภาวะขาดธรรมชาติได้นะคะ

  • ติดหน้าจอมากเกินไป
  • ตักเตือนแต่แก้ไขไม่ได้
  • จดจ่อกับอะไรนานๆ ไม่ได้
  • เข้าสังคมไม่ได้
  • ขี้โมโห ขี้หงุดหงิด

สาเหตุมาจากอะไร ?

สาเหตุของภาวะขาดธรรมชาตินั้น มีหลายเหตุผลมากๆ ค่ะ แต่อย่างแรกที่เห็นได้เด่นชัดก็คือ การเลี้ยงดูของพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบไข่ในหิน ไม่ยอมให้ลูกได้ลองสัมผัสหรือเล่นสนุกกับธรรมชาติรอบตัว เพราะห่วงและกังวลว่าเขาจะเกิดอันตราย จึงปิดกั้นการเรียนรู้ของเด็ก อีกส่วนหนึ่งคือพ่อแม่ทำงานหนัก จนไม่มีเวลามาเล่นกับลูก และหยิบยื่นสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และหน้าจอต่างๆ ให้เป็นพี่เลี้ยงของลูกก่อนถึงวัยที่เหมาะสม

และพอเด็กได้ลองเล่นจอจนติดหนึบเข้าแล้ว ก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะหลุดออกมาจากหน้าจอ มาวิ่งเล่นและได้สัมผัสธรรมชาติในชีวิตจริง เขาก็จะจมอยู่กับในโลกโซเชียล โลกออนไลน์ นั่นทำให้กลายเป็นว่า แท็บเล็ต สมาร์ตโฟนและหน้าจอมีบทบาทมากในชีวิตเด็กค่ะ

ผลกระทบหากลูก “ขาดธรรมชาติ”

ภาวะขาดธรรมชาติ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจ รวมไปถึงความสัมพันธ์มากทีเดียวค่ะ ซึ่งสามารถสรุปเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

  • สมาธิไม่ดี : จะเห็นได้ว่าลูกเริ่มไม่ค่อยมีสมาธิ ทำอะไรได้แป๊บเดียวก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น หรือสมาธิเริ่มสั้นลงนั่นเอง
  • ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ : ลูกจะหงุดหงิดง่าย มีอารมณ์รุนแรง ก้าวร้าว
  • ขาดพัฒนาการทางด้านภาษา : เพราะการที่เขาไม่ได้ออกไปวิ่งเล่น ไม่ได้เล่นกับเพื่อนๆ ใช้เวลาคนเดียวกับหน้าจอ จึงทำให้เกิดการสื่อสารทางเดียว ไม่ได้พูดคุยกับเด็กในวัยเดียวกันในชีวิตจริง
  • ภาวะอ้วน : พอไม่ค่อยได้ขยับร่างกาย และกินอย่างเดียว จึงทำให้เกิดภาวะอ้วนตามมา เพราะเด็กๆ ควรใช้เวลาในการขยับร่างกายต่อวันเป็นเวลาหลายชั่วโมง
  • ขาดความเห็นอกเห็นใจ : เด็กที่ไม่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อน หรือมีสังคมใหม่ๆ แน่นอนว่าย่อมทำให้เขาไม่เข้าใจในความคิดหรือความรู้สึกของคนอื่นมากนัก
  • เครียดและวิตกกังวลง่าย : หมกมุ่นอยู่แต่กับตัวเอง ไม่ได้ไปวิ่งเล่น สัมผัสธรรมชาติ เลยเพิ่มความเสี่ยงที่อาจทำให้ซึมเศร้าได้
  • ครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ไม่ดีต่อกัน : เมื่อคนในครอบครัวไม่ได้มีเวลาให้กัน อยู่แต่กับหน้าจอของตัวเอง ก็ย่อมทำให้ไม่ได้พูดคุย ปฏิสัมพันธ์ในครอบครัวก็น้อยลง

ทำยังไงไม่ให้ลูก “ขาดธรรมชาติ”

  • อย่าหยิบยื่นหน้าจอให้ลูกก่อนวัยอันควร : ในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีไม่ควรใช้หน้าจออย่างเด็ดขาด อย่าให้มือถือเป็นพี่เลี้ยงลูกเลยนะคะ
  • กำหนดระยะเวลาในการใช้จออย่างชัดเจน : ไม่ปฏิเสธเลยว่าสมาร์ตโฟนและเนื้อหาออนไลน์บางส่วนมีประโยชน์และช่วยในการเรียนรู้ของเด็กได้ เพียงแต่ว่าเราต้องมีกติกาในการใช้ที่ชัดเจนเท่านั้นเองค่ะ
  • พาลูกออกไปทำกิจกรรมนอกบ้าน พาไปเที่ยวสัมผัสธรรมชาติ และปล่อยให้ลูกเล่นเลอะเทอะบ้าง
  • พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก : ก่อนจะสอนลูก พ่อแม่ควรมองตัวเองก่อนว่าเราเป็นแบบอย่างที่ดีให้เขาแล้วรึยัง เพราะเด็กๆ มักเรียนรู้จากการเลียนแบบ พ่อแม่ทำอย่างไรเขาก็จะทำแบบนั้น

สุดท้ายก็คือ สอนให้ลูกรู้ว่าธรรมชาติเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะขาดไม่ได้

ข้อมูลอ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ข้อมูลทางแพทย์ ข้อมูลทางแพทย์
29 สิงหาคม 2560
ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
Update
ไลฟ์สไตล์ ไลฟ์สไตล์
เคยกลับบ้านมาแล้วกรี๊ดลั่นบ้านเพราะเจ้าตัวแสบไปวิ่งเล่นเลอะเทอะกันไหมคะ ? หรือแต่งตัวลูกอย่างดีไปทานข้าวนอกบ้าน แต่คุณลูกก็ทำซอสหกใส่ ไอติมหล่นไปเป็นก้อน เละทั้งตัว วันนี้ ParentsOne มีเสื้อเด็กที่เจ๋งมากๆ จาก GQ : the good day lab™ มาลองรีวิวให้ได้ชมกันค่ะ 🛒 ช้อปเลยที่ -> https://gqsize.link/bZT7Sx แกะกล่อง GQ : the good day lab™ เสื้อเด็ก ฟีเจอร์เพียบ คุณภาพ GQ ขึ้นชื่อว่า GQ ก็มั่นใจได้เรื่องคุณภาพค่ะ ผ้านุ่ม เบาบาง เหมาะกับอากาศเมืองไทย ใส่วิ่งสบายๆ ที่แปลกตาคือเป็นเสื้อที่ไม่มีป้ายแท็กค่ะ ทั้งด้านหลังคอเสื้อ หรือข้างใน ไม่ต้องห่วงว่าจะเคืองหรือคันเลย กระดุมแข็งแรงเอามากๆ ใช้แรงผู้ใหญ่ดึงแรงๆ ก็ไม่มีปัญหาเลย ไฮไลท์สำคัญที่คุณแม่แทบกรี๊ด คือเป็นไม่เปื้อนค่าาาา เทน้ำ เทนมใส่เสื้อ ไม่เปียกเลย สะบัดสองที หายปกติ ซึ่งถ้าใครเคยเห็นโฆษณา GQ ที่เสื้อเชิ้ตขาวไปทำงานคุณพ่อ โดนกาแฟหกใส่ แต่ผ้าไม่เปื้อนเลย เทคโนโลยีผ้าสะท้อนน้ำ ตอนนี้มาอยู่ในเสื้อเด็กแล้ววววว ทีมงานทดสอบเทน้ำสีผสมอาหาร นม หรือแม้แต่ซอสมะเขือเทศลงบนเสื้อ ก็ไม่เปื้อนค่ะ ไม่น่าเชื่อมากๆ ข้อดีที่สุดของผ้าแบบนี้ คือทำให้ชีวิตคุณแม่สบายขึ้นมาก พาลูกไปเที่ยว วิ่งเล่นสนามหญ้า พาไปทานก๋วยเตี๋ยว หรือให้ทานอะไร ก็ไม่ต้องกลัวเสื้อสวยๆ เลอะ แถมประหยัดเวลาซักผ้าด้วย ไม่ต้องมาคอยแช่ผ้าให้คราบมันออกแบบสมัยก่อน สำหรับเสื้อเด็ก the good day lab™…
8 ธันวาคม 2566

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save