fbpx

NEWS: แพทย์กระดูกแนะนำ ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน

Writer : OttChan
: 19 มีนาคม 2563

นพ.กุลพัชร จุลสำลี ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ แนะนำว่าการได้รับแคลเซียมที่เพียงพอนั้นจะช่วยส่งเสริมให้กระดูกแข็งแรงไม่เป็นโรคภาวะกระดูกพรุนในตอนสูงวัย

นอกจากนี้แคลเซียมเองยังเป็นอีกหนึ่งสารอาหารสำคัญที่ช่วยในระบบหมุนเวียนเลือด, ระบบประสาทและกล้ามเนื้อ เช่นนั้นแล้วการได้รับแคลเซียมที่เหมาะสมต่อช่วงอายุจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ซึ่งความหนาแน่นของมวลกระดูกนั้นจะเพิ่มมากขึ้นไปตามวันและจะมีมวลสูงสุด (peak bone mass) ในช่วงอายุที่ 20-25 ปี หลังจากนั้นจึงจะเริ่มลดลงในช่วงอายุ 35-40 ปี โดยที่ผู้หญิงจะลดลงได้เร็วกว่าผู้ชาย ยิ่งหากหมดประจำเดือนแล้วก็จะยิ่งลดลงเร็วยิ่งขึ้น

เช่นนั้นแล้วเด็กๆ จึงควรบริโภคแคลเซียมให้ได้มากๆ ก่อนจะถึงช่วงอายุ 20-25 ปีแต่นอกจากนี้ก็ควรหมั่นออกกำลังกายและดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอด้วยเพื่อป้องกันการเป็นโรคกระดูกพรุน

การรับแคลเซียมแบ่งได้ตามช่วงอายุดังนี้

  • ช่วงอายุ 0-6 เดือน ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 7-12 เดือน ควรได้รับแคลเซียม 260 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 1-3 ปี ควรได้รับแคลเซียม 700 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 4-8 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 9-13 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 14-18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 19-50 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม ปริมาณสูงสุดที่แนะนำ 2,500 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 51-70 ปี ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม ปริมาณสูงสุดที่แนะนำ 2,000 มิลลิกรัม
  • ช่วงอายุ 71 ปีขึ้นไป ควรได้รับแคลเซียม 200 มิลลิกรัม ปริมาณสูงสุดที่แนะนำ 2,000 มิลลิกรัม

ที่มา : https://www.prachachat.net/rama-health/news-434035

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save