fbpx

"ออทิสติกเทียม" อาการน่ากังวลจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

Writer : Mookky TCN
: 19 มกราคม 2561

คุณพ่อคุณแม่อาจจะเห็นหรือเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเด็กเด็กวัยเตรียมอนุบาลและวัยอนุบาลที่เล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดูโทรทัศน์ มากเกินไป จนกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมคล้ายออทิสติก หรือเรียกกันว่า “ออทิสติกเทียม” มาดูกันค่ะว่าจะมีสาเหตุ อาการ เเละวิธีรักษาอย่างไรบ้าง

ออทิสติกเทียมคืออะไร ?

ออทิสติกเทียม คือ การที่เด็กขาดการสื่อสารแบบสองทาง ทำให้ตัวเด็กขาดการกระตุ้น เพราะการให้ลูกเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือดูโทรทัศน์ เป็นการรับสารทางเดียวเท่านั้น ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางสังคมที่ช้า

สาเหตุ

  • การสัมผัสกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น สมาร์ทโฟน แทปเเล็ต  ก่อนอายุ 2 ขวบ
  • ดูทีวีนานเกินไปมากกว่าวันละ 1 ชั่วโมง/วัน
  • ความเข้าใจผิดในการเลี้ยงลูก ด้วยการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกต่างๆ มาเลี้ยงลูกเเทน เพราะความง่าย สะดวกสบาย

เพราะเด็กเล็กยังแยกแยะไม่ออกระหว่างโลกจริงกับโลกเสมือนในหน้าจอ จึงส่งผลต่อพัฒนาการ เพราะเเทนที่เด็กๆ จะเเสดงออกด้วยการพูดโต้ตอบปกติ ก็อาจจะไม่พูดออกมาเพราะกำลังอยู่กับโลกส่วนตวในหน้าจอ เเเป็นละในที่สุดก็จะพัฒนาไปปัญหาด้านการเข้าสังคมในที่สุด

ตรวจสอบอาการลูก

สามารถสังเกตอาการของลูกได้ว่าเป็นออทิสติกเทียมหรือไม่ได้ดังนี้

  • อายุ 6 เดือน   ไม่ยิ้ม ไม่แสดงอารมณ์สนุกสนาน
  • อายุ 9 เดือน   ไม่ร้อง ไม่ยิ้ม ไม่แสดงสีหน้า เเละไม่มีการโต้ตอบกับผู้คุย
  • อายุ 12 เดือน ไม่เล่นน้ำลาย เรียกชื่อเเล้วไม่หัน
  • อายุ 18 เดือน ไม่ใช้ท่าทางประกอบการพูด ไม่เล่นบทบาทสมมติ

ถ้าลูกมีอาการดังกล่าวควรเข้ารับการตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กโดยตรง

 

วิธีป้องกัน

  • พูดคุย เล่น กับลูกบ่อยๆ

คุณพ่อคุณเเม่ควรคุยกับลูกอย่างน้อยวันละ 30 นาที – 1 ชั่วโมง เป็นการให้ลูกเรียนรู้การสื่อสารแบบสองทาง เด็กจะเข้าใจการโต้ตอบ สบตา คำศัพท์ เเละให้ลูกออกไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆ บ้าง เพื่อสร้างทักษะด้านการปฎิสัมพันธ์

  • เลี้ยงลูกให้ห่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ช่วง 2 ปีเเรกของเด็ก คุณพ่อคุณเเม่ยังไม่ควรให้ลูกเล่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดูโทรทัศน์ เเต่สามารถให้เล่นได้หลังจากอายุ 2 ขวบ เเละไม่ควรนานกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน นอกจากนั้นก็ควรหากิจกรรมอื่นๆ ให้ลูกทำ เช่น ต่อเลโก้ เล่นแป้งโดว์ วาดภาพระบายสี พับกระดาษ เป็นต้น

  • หมั่นสังเกตลูกเสมอ

เพราะจะได้ดูความผิดปกติได้แบบทันท่วงที โดยส่เด็กที่เป็นออทิสติกเทียมถ้าได้รับการรักษาเเละการกระตุ้นอย่างถูกต้อง อาการก็จะดีขึ้นในระยะเวลาประมาณ 6 เดือน ถึงจะกลับมาเป็นเด็กปกติได้

อยากฝากคุณพ่อคุณเเม่ว่าไม่ควรปลอยให้มือถือเลี้ยงลูก เพราะจะส่งผลกระทบมากกว่าที่เราคิด

ขอบคุณข้อมูลจาก –
Bangkokhospital
Posttoday

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save