fbpx

เด็กดื้อต้องโดนอะไร! ลงโทษแบบไหนให้ลูกเข้าใจมากขึ้น

Writer : Taloei
: 26 เมษายน 2565

แน่นอนว่าช่วงเวลาที่เราปวดหัวมากที่สุดสำหรับการเลี้ยงลูกคือตอนที่ลูกดื้อหรือซนมากๆ ยิ่งในช่วงที่เด็กกำลังเติบโต มีความเข้าใจ และเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นอะไรที่พ่อๆ แม่ๆ กังวลใจที่สุด แต่แล้วถ้าลูกดื้อหรือซนขึ้นมา เราควรมีวิธีการ ‘ลงโทษอย่างไร ให้ลูกเข้าใจและไม่เกิดพฤติกรรมซ้ำอีก’ ซึ่งปัจจุบันการลงโทษด้วยวิธี ’การตี’ ไม่ใช่วิธีการที่ดีอีกต่อไปแล้ว มันมาพร้อมกับการเกิดแผลในใจสำหรับเด็กและอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวได้ในอนาคต วันนี้ Parents One เลยอยากให้คุณพ่อคุณแม่มาทำความเข้าใจและลงโทษแบบคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่กันค่ะ

Time out หรือ การเข้ามุม 

การกำหนด พื้นที่ หรือ สถานที่ เมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมไม่ดี ได้สงบสติอารมณ์ โดยในการที่จะลงโทษด้วยการเข้ามุมนี้ จะต้องแสดงพื้นที่ขอบเขต และระยะเวลาที่ชัดเจน ให้เหตุผลต่อการทำโทษด้วย ในการเข้ามุมนี้ไม่ใช่การกักขัง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรอยู่ในสถานที่นั้นด้วย ทั้งนี้การเข้ามุม สามารถทำร่วมกับ Time in ในการเข้าไปแสดงความห่วงใยด้วยการตักเตือนและพูดคุย ก่อนที่จะทำ Time out 

 

การลดสิทธิ

การดึงสิทธิ์หรือสิ่งของที่มีออกจากตัว เป็นการลงโทษทางลบ คือการนำสิ่งที่เด็กชอบหรือพึงพอใจออกไปจากตัว มีผลทำให้เด็กมีพฤติกรรมลดลง และเข้าใจมากขึ้น เช่น การงดดูโทรทัศน์ การงดให้ทานขนมที่ชอบ การจำกัดเวลาในการเล่นนอกบ้าน การลดค่าขนม

 

 การว่ากล่าวตักเตือน

การว่ากล่าวตักเตือนด้วยวาจา มีหลักการคือ ตักเตือนเน้นไปที่พฤติกรรมให้ชัดเจน ว่าพฤติกรรมที่แสดงออกมาไม่ดี หรือไม่เหมาะสมอย่างไร มากกว่าการไปต่อว่าด้วยบุคคลิกภาพหรือนิสัยของเขา ใช้น้ำเสียงที่เหมาะสม และไม่ใช้อารมณ์ในขณะที่ตักดตือน มีเหตุผลประกอบสั้นๆที่ยาวจนกลายเป็นการบ่น 

 

การชดเชย

เมื่อเกิดพฤติกรรมที่ไม่ดี ให้สามารถชดใช้และชดเชยจากการทำนั้นได้ เพื่อให้เด็กเข้าใจและไม่เกิดพฤติกรรมซ้ำขึ้นอีก เป็นการลงโทษทางบวก คือการให้ในสิ่งที่เด็กไม่พึงพอใจ มีผลทำให้พฤติกรรมของเด็กลดลง เช่น ทำโต๊ะเลอะแล้วต้องเช็ดและเช็ดเพิ่มทั้งห้องด้วย หรือ เอาสิ่งของที่ขโมยมาจากเพื่อนไปคืนและเอาของที่ชอบไปให้เพื่อนเป็นการชดเชยด้วย

ที่มา https://www.happyhomeclinic.com/Download/article/a32-punishment.pdf

 

Writer Profile : Taloei

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กำลังใจที่ไม่เคยสังเกต
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save