fbpx

กีฬาคือครูชีวิต เล่นอย่างสร้างสรรค์ สร้างบทเรียนนอกตำรา

Writer : Jicko
: 21 มกราคม 2562

ความคาดหวังของคุณพ่อคุณแม่ในการเลี้ยงดูนอกจากการที่ลูกมีการเจริญเติบโตสุขภาพแข็งแรง พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ รอบตัวแล้ว  ยังต้องมีจิตใจที่พร้อมและเข็มแข็งด้วย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จึงสรรหากิจกรรมมาช่วยให้เด็กๆ พัฒนาในสิ่งเหล่านั้น

กิจรรมยอดฮิตอันดับต้นๆ ที่เด็กๆ สนใจเลยนั้นก็คือ กีฬา นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว  เมื่อเด็กๆ ได้รับการปลูกฝังเรื่องกีฬาตั้งแต่ยังเล็ก จะทำให้เขาเห็นความสำคัญของสุขภาพอีกทั้งยังทำให้เขาเป็นคนตั้งใจ มุ่งมั่น เหมือนกับโฆษณาใหม่ของไมโลที่ดูแล้วทำให้เด็กๆ เชื่อในคำว่า “กีฬาคือครูชีวิต”

ส่วนบทเรียนนอกตำราที่หล่อหลอมวิชาชีวิตให้กับเด็กๆ จะสอนอะไรให้กับเขาได้บ้างไปดูกันเลยค่ะ

  • รู้จักการร่วมมือกันเป็นกลุ่ม

ตัวอย่างเช่น กีฬาฟุตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่ต้องเล่นกันเป็นกลุ่มไม่สามารถเล่นคนเดียวได้แน่นอน มีการรับส่งลูกบอลกันไปมาขณะเล่น เพราะฉะนั้นทุกคนต้องมีทักษะการเรียนรู้ที่จะเล่นกันเป็นหมู่คณะ ต้องมีความสามัคคีกันในทีมให้ได้มากที่สุด จึงจะพาให้ทีมไปถึงชัยชนะนั้นได้ หากเด็กๆ ได้ลองเล่นกีฬาชนิดที่เล่นเป็นทีม ก็เป็นการฝึกการร่วมมือกันเป็นกลุ่ม และยังทำให้เด็กๆ สามารถเข้ากับคนรอบข้างหรือสังคมได้ดีอีกด้วยค่ะ

  • มีความอดทนและมีสมาธิ

ตัวอย่างเช่น กีฬากอล์ฟ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกีฬาที่สามารถฝึกเล่นได้ตั้งแต่เด็กๆ  ซึ่งกีฬากอล์ฟนี้นอกจากเด็กๆ จะได้ฝึกกล้ามเนื้อกำลังแขนและลำตัวของแล้ว เวลาเล่นยังต้องมีสมาธิเมื่ออยู่ในสนาม  และต้องอดทนฝึกฝนกันอย่างมากเลยทีเดียว เพราะการเล่นกอล์ฟก็เป็นกีฬาที่เล่นไม่ได้ง่ายๆ เลย และต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่พอสมควร  นอกจากนี้หากหมั่นฝึกฝนจนชำนาญก็สามารถทำให้เด็กๆ ขึ้นแท่นเป็นนักกอล์ฟมืออาชีพได้เลยนะคะ

  • ฝึกการควบคุมอารมณ์ให้มั่นคง

ตัวอย่างเช่น เทควันโด หรือกีฬาที่เป็นศิลปะการต่อสู้เกือบทุกประเภท ที่มักจะมีการปะทะกันเสมอ ซึ่งเด็กๆ ที่เล่นกีฬาประเภทนี้จะต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้มั่นคง เพราะฉะนั้นเด็กๆ ที่เล่นกีฬาประเภทนี้จะต้องมีความสุขุม เยือกเย็น โอมอ้อมอารี ถือว่าเป็นอีกวิชาที่ทำให้เด็กๆ ฝึกควบคุมอารมณ์ขณะเล่นกีฬาประเภทนี้นั้นเองค่ะ

  • มีระเบียบวินัยในตนเอง

ตัวอย่างเช่น กีฬาว่ายน้ำ ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่เด็กๆ ควรได้เรียนและฝึกทักษะนี้  ซึ่งการว่ายน้ำ เด็กๆ จะต้องระมัดระวังเรื่องอันตรายอยู่พอสมควร จึงทำให้เขาต้องเชื่อฟังครูฝึก และมีระเบียบวินัยมากๆ เมื่อเล่นกีฬานี้ นอกจากจะต้องมีวินัยเพื่อป้องกันอันตรายแล้ว ยังต้องมีวินัยทั้งการปฏิบัติตนในสระว่ายน้ำ และการฝึกฝนตัวเองอย่างสม่ำเสมออีกด้วยนะคะ

  • มีไหวพริบและความว่องไว

ตัวอย่างเช่น แบดมินตัน เป็นกีฬาที่เด็กสามารถเล่นได้ทั้งกับครอบครัวและกับเพื่อนๆ เป็นกีฬาที่เป็นประโยชน์มากๆ เพราะใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายเลยก็ว่าได้ นอกจากร่างกายแล้วยังต้องมีระบบประสาทที่ตื่นตัวตลอดเวลาเมื่อเล่นกีฬานี้ เด็กๆ จะต้องหูตาว่องไว อีกทั้งต้องมีไหวพริบในการเล่นอย่างมากเลยค่ะ เรียกได้ว่าใช้ทุกส่วนของร่างกายจริงๆ

  • รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย

ไม่ว่าจะกีฬาประเภทไหน ก็ต้องมีคนแพ้และคนชนะเป็นเรื่องธรรมดา การวิ่งแข่งก็เช่นกันไม่ว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไง  เด็กๆ ต้องยอมรับและพร้อมรับมือกับสถานการณ์นั้นได้เสมอ อีกทั้งต้องเรียนรู้การวางตัวเมื่อเป็นผู้ชนะที่ดีอีกด้วย หากเด็กๆ ได้รับการปลูกฝังที่ดีจากการเล่นกีฬา รู้กติการ รู้แพ้รู้ชนะและให้อภัยซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้เขาได้วิชาติดตัวไปจนโตเลยก็ว่าได้ค่ะ

  • รู้จักเคารพกติกา

ทุกชนิดกีฬาย่อมมีกฏและกติกาอยู่แล้ว ซึ่งการเคารพกติกาจะช่วยให้เด็กๆ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ อดทน และทำให้เด็กๆ ยอมรับผลที่เกิดขึ้นกับเขาได้ ยกตัวอย่างเช่น วอลเลย์บอล ซึ่งเป็นกีฬาที่เล่นเป็นทีม ซึ่งเป็นกีฬาที่มีกฎกติกา ทุกคนในทีมจะต้องเคารพกฎกติกาที่มี และรู้จักเคารพสิทธิของผู้อื่น เมื่อลงเล่นนั้นเองค่ะ

  • สร้างแรงผลักดัน ให้มีความพยายาม

กีฬาเมื่อมีการแข่งขันย่อมสร้างแรงผลักดันให้กับเด็กๆ ให้มีความพยายามอยู่เสมอ เพราะเมื่อเขาได้เล่นกีฬาสักอย่าง เด็กๆ ก็จะมีความตื่นตัวไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองเรื่อยเปื่อยอยู่กับที่ เพราะหากทำเช่นนี้ก็ทำให้การพัฒนาตัวเองในการเล่นกีฬาช้าลงตามหลังเพื่อน ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตามตามสัญชาตญาณธรรมชาติที่เมื่อเห็นคนรอบข้างเก่งขึ้น เขาก็จะสร้างแรงผลักดันให้ฝึกซ้อมและก้าวไปพร้อมๆ กับเพื่อนด้วยนั้นเองค่ะ

จากบทเรียนนอกตำราที่ได้กล่าวมานั้น  คือวิชาที่หาไม่ได้จากห้องเรียนหรือในตำรา มันจะสร้างสิ่งดีและหล่อหลอมให้เด็กๆ มีภูมิคุ้มกันที่ดีทางจิตใจและสร้างสิ่งที่ดีให้กับคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี เพราะ ” กีฬาคือครูชีวิต” ที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กๆ และเป็นก้าวที่สำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาทางด้านต่างๆ ของเด็กๆ ในอนาคตต่อไป

 

 

 

 

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7  วิธี พิชิตการทานยากของเด็ก
ชีวิตครอบครัว
มีบุตรยาก แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save