fbpx

เมื่อไหร่ควรจะให้ลูกเล่นโซเชียลแต่ละตัวได้

Writer : giftoun
: 19 ตุลาคม 2560

มาถึงในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้าถึงคนได้ทุกเพศทุกวัยได้แล้ว รวมถึงลูกๆ ของเราด้วย สักวันหนึ่งก็คงจะเริ่มเล่นโซเชียลมีเดียเช่นกัน แล้วเมื่อไหร่ควรจะให้ลูกเล่นโซเชียลแต่ละตัวได้ แล้วจะดูแลลูกให้เล่นโซเชียลมีเดียได้อย่างปลอดภัยได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ

คุณแม่ต้องรู้จักโซเชียลมีเดียให้ดีเสียก่อน

คุณแม่ควรเริ่มเรียนรู้การใช้โซเชียลมีเดียให้ดีเสียก่อน  รู้ว่าโซเชียลมีเดียแต่ละแบบมันมีลักษณะอย่างไร และลูกๆ ของคุณใช้มันทำอะไรได้บ้าง เพราะโซเชียลมีเดียในแต่ละแพลทฟอร์มนำมาซึ่งความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก

คุณแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกในการใช้สื่อต่างๆ เช่น โทรศัพท์คุยธุระสั้นๆ ไม่คุยนานๆ ให้ลูกรู้ว่าโทรศัพท์สะดวกในการติดต่อ การพูดนานๆ อาจทำให้คนที่มีธุระจำเป็นติดต่อเข้ามาไม่ได้ และใช้โซเชีบลมีเดียเท่าที่จำเป็นให้ลูกเห็นและซึบซับวิธีเล่นที่ถูกต้อง

จำกัดอายุที่เหมาะสมสำหรับลูก

พ่อแม่ต้องตัดสินใจว่าจะให้ลูกๆ เริ่มใช้โซเชียลมีเดียได้เมื่อไร โดยทั่วไปแล้วโซเชียลเน็ตเวิร์กส่วนมาก(เช่น Facebook Twitter Instagram)จะกำหนดอายุผู้ใช้งานไว้ที่ 13 ปี หรือมากกว่านั้นตามพรบ.คุ้มครองเด็ก COPPA ที่ห้ามไม่ให้บริษัทเหล่านี้เก็บข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปีโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง

กำหนดเวลาให้เล่นโซเชียลมีเดียอย่างชัดเจน

คุณแม่ควรกำหนดจำนวนชั่วโมงในการเล่นอินเทอร์เน็ตต่อวัน หรืออาจจะกำหนดเวลาเพื่อให้คุณแม่และลูกออนไลน์พร้อมๆ กันเพื่อสอนวิธีการใช้โซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่ากฏเหล่านี้ไม่ควรจะเข้มงวดจนเกินไป จะต้องมีจุดที่เหมาะสมเพื่อให้เด็กๆ ไม่รู้สึกกดดันมากซะจนต้องแอบใช้โซเชียลมีเดียแบบไม่ให้พ่อแม่รู้

ตรวจสอบการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของลูกๆ อยู่เสมอ

คุณแม่ควรคอยตรวจสอบ Privacy setting ในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ของลูกอยู่เป็นประจำ เนื่องจากแอปพลิเคชั่นเหล่านี้มีการอัปเดตอยู่เสมอๆ ซึ่งอาจทำให้การตั้งค่าต่างๆ ไม่เหมือนเดิม

นอกจากการดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดจากคุณแม่แล้ว ความเข้าใจในการเล่นโซเชียลมีเดียของลูกก็สำคัญไม่แพ้กัน ถึงคุณแม่จะอยู่ในยุคที่ไม่ได้เข้าถึงโซเชียลมีเดียได้ง่ายแบบลูกน้อย แต่ก็สามารถทำความเข้าใจและร่วมเล่นโซเชีบลมีเดียไปกับลูกได้ โดยไม่จำเป็นต้องกดดันลูกจนเกินไปค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
ทำไงดีเมื่อพี่น้องทะเลาะกัน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
“Fun English” เกมส์ฝึกภาษาสำหรับเด็ก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
โรงเรียนอนุบาลทางเลือกที่โดนใจคุณแม่
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save