fbpx

7 เทคนิคปรับความคิด เมื่อต้องเชื่อในสิ่งที่ลูกรัก

Writer : Mneeose
: 16 เมษายน 2563

ความชอบของพ่อแม่ มักจะแตกต่างจากความชื่นชอบของลูกเสมอ ซึ่งไม่มีใครผิดหรือถูกที่จะชอบในสิ่งที่ต่างกัน แล้วจะทำอย่างไร? ให้เรายอมรับในสิ่งที่ลูกชอบกันล่ะ Parents One เตรียมคำตอบมาให้คุณแล้วค่ะ ไปอ่านกันเลย

1. อย่าเอาความฝันของตัวเองไปเป็นความฝันของลูกเด็ดขาด

เพราะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีความฝันในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น สิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ และสิ่งที่ตัวเองรัก พ่อแม่บางคนไม่ค่อยเข้าใจในกฎข้อนี้สักเท่าไหร่ เมื่อลูกเริ่มเติบโตขึ้นเรื่อยๆ จึงเผลอนำความฝัน และความคาดหวังของตัวเองฝังเข้าไปในหัวสมองของลูกโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ

ผลที่ตามมาแทนที่จะดี เพราะมีคนปูทางให้ กลับส่งผลกระทบร้ายเเรง อาจไม่ใช่กับตัวพ่อแม่โดยตรง แต่ส่งผลต่อตัวลูกโดยตรงแน่ๆ เพราะลูกอาจจะรู้สึกกดดันจากสังคมภายนอก ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ตามใจชอบแล้ว ยังต้องนั่งกดดันกับครอบครัวของตัวเองด้วย นั่นก็เพราะ ไม่เคยมีใครถามถึงความรู้สึกที่แท้จริงข้างในของพวกเขานั่นเอง

 

2. อย่ามองว่าสิ่งที่ลูกชอบนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ

แม้แต่การ์ตูนแต่ละเรื่องย่อมมีข้อคิด และประโยชน์ของมัน ที่ผู้ใหญ่อย่างเราสามารถนำไปปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวัน คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ลูกๆ จะติดการ์ตูนบ้าง เพราะขนาดผู้ใหญ่ยังติดได้เลย เพราะฉะนั้น เราต้องอย่ามองเพียงแค่เปลือกภายนอก ให้มองถึงข้อดีของมัน และคิดในแง่บวกมากๆ

แล้วเราจะทำได้อย่างไร? ลองไปนั่งดูการ์ตูนกับลูก หรือโหลดเกมส์ที่ลูกติดจนงอมแงมมาเล่นสิคะ ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง สนุกไหม? จะได้คุยภาษาเดียวกับลูกรู้เรื่อง แถมยังเป็นการช่วยลดระยะห่างของความสัมพันธ์ในช่วงวัยภายในครอบครัวอีกด้วย

ใครจะไปรู้ว่าในอนาคต ลูกของเราอาจจะได้เป็นนักแคสต์เกมส์ที่โด่งดัง และมีชื่อเสียง หรือว่ากลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนเรื่องนั้นเลยก็ได้ใช่ไหมล่ะคะ

 

3. อย่าเชื่อคนอื่นมากกว่าลูก หรือกลัวว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร?

สิ่งต่างๆ ย่อมไม่ได้เป็นไปตามแบบที่เราคาดคิดไว้เสมอ แต่สิ่งที่เราทำได้ เมื่อลูกบอกกับเราว่าเขาชอบอะไร หรือเขาเชื่อว่าสิ่งนี้เป็นแบบนี้นะ และถึงแม้ว่ามันจะสวนกระแส หรือสวนทางความคิดของผู้ใหญ่ในหลายๆ คน เราก็อยากให้พ่อแม่ทุกคนมีความเชื่อมั่นในตัวของลูกเรามากกว่าใครนั่นเองค่ะ

ถ้าเราไม่เชื่อเขา แล้วใครจะมาเชื่อเขาล่ะ จริงไหมคะ?

4. อย่าเปรียบเทียบลูกเรากับลูกคนอื่น

การเปรียบเทียบไม่เคยส่งผลดีต่อใคร รวมทั้งคนที่นำมาเปรียบเทียบด้วย แม้ว่าข้างนอกอาจไม่ได้เเสดงความรู้สึกให้ผู้อื่นรับรู้ แต่ข้างในกลับถูกกรีดลึกด้วยคำพูดของคนที่ตัวเองรัก รวมทั้งความกดดันในเรื่องต่างๆ ที่ถูกผู้ใหญ่คาดหวังคงจะเจ็บไม่น้อย

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบนี้ เลิกพูดเปรรียบเทียบลูกกันเถอะค่ะ โดยเฉพาะเรื่องราวของพี่น้องก็อย่าเปรียบเทียบว่าใครเก่งกว่า หรือฉลาดกว่าใครเลยค่ะ ถ้าไม่อยากสร้างสร้างแผลเป้นในใจให้กับลูกอีกคน

 

5. ให้อิสระในการตัดสินใจ ทั้งการเลือกเรียนและการเลือกเล่น

ไม่บังคับว่าโตไป ลูกจะต้องเรียนอันนี้นะ แบบนี้นะ ให้อิสระทางความคิดแก่ลูก ได้ทำในสิ่งที่รัก ทำในสิ่งที่ชอบ ให้พวกเขาได้ตัดสินใจด้วยตัวของเขาเอง

ไม่ใช่เพียงแค่การเลือกเรียน ยังรวมไปถึงการเลือกเล่นด้วยนะคะ ถ้าเขาชอบเล่นอะไรก็ปล่อยให้เขาเล่นไปเถอะค่ะ เชื่อเถอะค่ะว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเเน่นอน

6. เชื่อและมั่นใจในตัวลูกให้มากๆ

ความเชื่อ คือแรงผลักดันให้ทุกคนมีพลัง การเชื่อในสิ่งที่ลูกทำ คือหน้าที่ของคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ควรละเลยอย่างยิ่ง

เพียงแค่เราเชื่อมั่นว่าลูกจะทำสำเร็จในสิ่งที่เขาตั้งใจ และต้องการ คอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ให้ลูกได้รับรู้ว่า ถึงแม้จะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ลูกคิดหรือทำว่ามันจะสำเร็จได้ แต่พ่อกับแม่เชื่อนะ เพียงเท่านี้ ลูกก็จะมีแรงและกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคเเล้ว

 

7. สนับสนุนลูกไปให้สุดทาง

สอนลูกอยู่เสมอว่า เมื่อเราลงมือทำอะไรแล้ว ไม่ควรล้มเลิกง่ายๆ ควรอดทน กล้ารอ รอเวลาที่วันนั้นจะมาถึง และทุกอย่างที่ลูกสร้างไว้ คิดไว้จะสำเร็จ มันต้องมีแน่นอน

ลูกไม่ต้องกังวลอะไร เพียงแค่เดินตรงไปยังเส้นทางที่ลูกได้เลือกเดินด้วยตัวเอง เพราะตรงนี้ พ่อกับแม่จะสนับสนุนลูกไปให้สุดทางเอง แค่นี้พ่อกับแม่ก็ภูมิใจในตัวลูกมากๆ แล้ว


สุดท้ายนี้อยากฝากข้อคิดให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกคนให้ “ลองรักในสิ่งที่ลูกรัก” และคอยเป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพ่อแม่ให้กับลูก ในยามที่ลูกเหนื่อย หรือท้อแท้ เท่านี้พลังของลูกก็จะกลับมาต่อสู้ให้พ่อแม่อย่างเราได้ภูมิใจในตัวเขามากๆ แล้วล่ะค่ะ

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



19 กุมภาพันธ์ 2564
7  วิธี พิชิตการทานยากของเด็ก
ชีวิตครอบครัว
สิ่งสำคัญคือตัวเรา
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save