fbpx

7 สิ่งที่ควรฝึกให้ลูกทำเป็นนิสัยก่อนนอน

Writer : nunzmoko
: 7 พฤศจิกายน 2561

เด็กๆ ช่วงอายุ 0-12 ปี เป็นช่วงที่ฝึกสอนหรือสร้างเสริมนิสัยที่ดีให้ลูกๆ ได้ง่ายกว่าการฝึกสอนเมื่อโตขึ้น เด็กๆ ต้องได้รับดูแลให้มีร่างกายเจริญเติบโตสมวัย และเมื่อลูกโตขึ้นก็อยากให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีความรับผิดชอบ มีนิสัยที่ดี ซึ่งการปลูกฝังลักษณะนิสัยที่ดีแก่ลูกเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ลูกประสบความสำเร็จในอนาคตได้ วันนี้จะมาแนะนำเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ในการฝึกลูกช่วงก่อนเข้านอน เพื่อให้เกิดเป็นลักษณะนิสัยที่ดีของเด็ก มาฝากกันค่ะ

1. ให้ลูกเข้านอนเป็นเวลา

ให้ลูกเข้านอนเป็นเวลาเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะก่อนเวลา 3 ทุ่ม เพราะการนอนทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์ ดังนั้นจึงควรฝึกให้ลูกเข้านอนตรงเวลา และได้นอนหลับอย่างเพียงพอค่ะ

2. เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ทีวี คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ออกจากห้องนอน รวมถึงการจำกัดเวลาในการเล่นของลูก พร้อมบอกเหตุผลให้ลูกเข้าใจ ไม่ใช้วิธีการบังคับ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกด้วยนะคะ

3. หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนัก

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกทานอาหารมื้อหนัก หรือออกกำลังกายหนักๆ ก่อนเข้านอน เนื่องจากการทานอาหารหรือออกกำลังกายหนักก่อนเข้านอนจะทำให้ลูกไม่สบายตัว ซึ่งเป็นการรบกวนการนอนของลูกนั่นเอง

4. ไม่ลืมลดแสงสว่าง

หลีกเลี่ยงแสงสว่าง จัดห้องให้เหมาะกับการนอนเป็นห้องที่เงียบสงบ เพื่อให้ลูกได้รับการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพ เพราะเสียง และแสงจากโคมไฟ แสงจากจอโทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต จะรบกวนการนอนของลูก ลองเปลี่ยนมาเล่านิทานก่อนนอนให้ลูกฟัง พร้อมกับหรี่ไฟ ลดแสงสว่างเพื่อง่ายต่อการนอนหลับค่ะ

5. งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนเข้านอน จริงๆ ควรงดเลยค่ะ ซึ่งได้แก่ น้ำอัดลมประเภทต่างๆ ชา กาแฟ เพราะจะทำให้ลูกหลับยากและนอนได้ไม่เต็มตื่นค่ะ

6. แปรงฟันก่อนนอน

บางครั้งลูกมักจะดื่มนมก่อนนอน หรือทานอาหารเล็กๆ น้อยๆ ดังนั้นควรฝึกให้ลูกแปรงฟันก่อนเข้านอนเพื่อสุขภาพฟันที่ดี ไม่ทำให้ฟันผุ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ลูกรักษาความสะอาดช่องปาก ทำจนเป็นนิสัยในชีวิตประจำวัน

7. ฝึกจัดตารางชีวิตประจำวัน

ก่อนนอน ลองฝึกให้ลูกจัดตารางกิจวัตรประจำวันในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อฝึกเป็นนิสัยเพื่อเป็นการทบทวนสิ่งที่ทำมาในวันนี้และวันถัดไป

การสร้างนิสัยที่ดีให้กับลูก นอกจากการฝึกช่วงก่อนเข้านอนแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็สามารถส่งเสริมนิสัยที่ดีในด้านอื่นๆ ของลูกได้อีกมากมายตามอายุและความเหมาะสม เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นเด็กที่น่ารัก สมบูรณ์ สมวัย และเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพในอนาคต

ที่มา – www.prdmh.com

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
14 สิงหาคม 2560
6 ข้อคิดดีดีจากการ์ตูนเรื่อง FROZEN
ช่วงวัยของเด็ก
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save