fbpx

หัวอกเดียวกัน!! 8 อาการแพ้ท้องสุดแปลก ที่คุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมรับมือ

Writer : Mneeose
: 23 พฤษภาคม 2562

คุณแม่ทุกคนคงต้องเคยผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชนก่อนการคลอดลูกกันมาแล้วทั้งนั้น ยิ่งอาการแพ้ท้องสุดแปลกมากมายที่ Parents One เราขอรวบรวม 8 อาการแพ้ท้องมาบอกคุณแม่มือใหม่ทั้งหลายให้เตรียมรับมือกันให้ดีเลยค่ะ หากคุณพ่อคุณแม่ครอบครัวไหนมีอาการแพ้ท้องที่แปลกยิ่งกว่า ก็อย่าลืมมาแชร์ให้เราฟังใต้คอมเมนต์ได้เลยนะคะ

1. ชอบทำในสิ่งตรงกันข้ามกับตอนที่ยังไม่ท้อง

คุณแม่ที่ตั้งครรภ์มักมีพฤติกรรมแปลกไปจากเดิมกับตอนที่ยังไม่ท้องจนคุณพ่อจับสังเกตได้ จนกลายเป็นพฤติกรรมฮาๆ ได้เช่นกันค่ะ เช่น ชอบดมกลิ่นดินที่ฝนเพิ่งตก อยากได้กลิ่นในทุกวัน ถึงขั้นให้คุณพ่อเอากระถางต้นไม้ที่มีดินอยู่เยอะๆ เข้ามาในบ้าน หรือบางคนรู้สึกว่าอยากกินอาหารที่มีรสชาติเผ็ดมากๆ ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยอยากกินนั่นเอง

 

2. เหม็นหน้าสามี VS ติดสามี

ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้นได้เสมอค่ะเหล่าคุณพ่อทั้งหลาย ขึ้นอยู่กับดวง , อารมณ์ รวมถึงฮอร์โมนในร่างกายของคุณแม่มากกว่าว่า จะแพ้ท้องแบบเหม็นสามี หรือ ติดสามีกันแน่!! ซึ่งการเกิดทั้ง 2 แบบ คุณพ่อต้องทำใจเอาไว้ว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้

สิ่งควรทำมากที่สุด ควรใจเย็นและปรับอารมณ์ตามคุณแม่ให้ทันเท่านั้นเองค่ะ เช่น ถ้าคุณแม่ไม่อยากเห็นหน้าคุณพ่อ ก็พักการเจอกันไว้ก่อน หรือหาสิ่งที่คุณแม่ต้องการขณะนั้นมาให้แทนค่ะ

แต่ถ้าคุณแม่ติดสามีล่ะก็ หวานหมูเลยค่ะ เพียงแค่อยู่ใกล้ชิดเขาไว้ ไม่ห่างไปไหนนานๆ ไม่ทำในสิ่งที่คุณแม่ไม่ชอบ เท่านี้ก็หมดปัญหาครอบครัวกันแล้วค่ะ

 

3. ขี้โมโห หวงของ ชอบเหวี่ยงมากขึ้น

อารมณ์แปรปรวนมักเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะเกิดกับคุณแม่มือใหม่ที่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะความขี้โมโห ชอบเหวี่ยงวีน และมีความสามารถพิเศษในการเชื่อมโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวกันให้เกี่ยวโยงกันได้ เหล่าคุณพ่อต้องเตรียมรับมือให้ดีเชียวค่ะ

ส่วนอาการหวงของเป็นอาการรองลงมา โดยเฉพาะการหวงอาหารที่คุณแม่ๆ นั้นโปรดปรานนั่นเองค่ะ ถ้าใครคิดจะมาขอชิมหน่อยละก็ ไม่มีทางให้ง่ายๆ แน่นอนค่ะ ถ้าคุณแม่อยากกินอะไร คุณพ่อก็ต้องหามาให้ได้นะคะ ไม่ว่าเวลานั่นจะเป็นช่วงเวลาใดก็ตาม ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องใหญ่แน่นอน

 

4. เอาแต่ใจตัวเองมาก เหมือนคนวัยทอง

คนท้องมักจะเกิดความรู้สึกร้อนที่มาจากข้างในร่างกายในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะรู้สึกว่าอารมณ์ไม่คงที่ ขึ้นๆ ลงๆ ได้ง่าย อยากได้อะไรต้องได้ เรียกว่า “เอาแต่ใจตัวเองมากๆ” ก็เป็นได้ นั่นก็เพราะว่าฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากนั่นเอง (ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนและเอสโทรเจน) และยิ่งมีลูกที่ดิ้นอยู่ในท้องด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คุณแม่อย่างเราเพิ่มความวิตกกังวลขึ้นไปอีกขั้นค่ะ เพราะกลัวว่าจะดูแลลูกได้ไม่ดีพอ ทำให้ร่างกายต้องเตรียมปรับสมดุลให้พอดีนั่นเอง ซึ่งในบางครั้งคุณแม่อย่างเราก็ปรับตัวกันไม่ถูกเลยก็มี

 

5. มองเห็นไม่ค่อยชัด

อย่าเพิ่งตกใจค่ะ หากจู่ๆ คุณแม่ท้องก็มองภาพไม่ชัด ต้องเพ่งอยู่นาน หรือโฟกัสภาพไม่ได้ทั้งๆ ที่ก่อนท้องสายตาก็ปกติดี นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนและการคั่งของของเหลวในร่างกายคุณแม่ทำให้กระจกตาของคุณแม่หนาขึ้นจนมองเห็นภาพไม่ชัด ให้คุณแม่หมั่นหยอดน้ำตาเทียมเพื่อลดการระคายเคือง หรือรีบไปปรึกษาจักษุแพทย์นั่นเอง

แต่ถ้าเมื่อไรที่เห็นภาพซ้อน ภาพเบลอมากๆ และมีอาการคลื่นไส้ เวียนหัว อาจเป็นอาการของครรภ์เป็นพิษต้องรีบพบสูตินารีแพทย์โดยด่วน

 

6. เหม็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นอาหาร

อาหารบางอย่างที่คุณแม่รู้สึกเฉยๆ อาจจะกลายเป็นอาหารที่คุณแม่ไม่อยากเข้าใกล้เลยก้ได้ค่ะ หรือบางรายแค่เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ก็อดที่จะลุกไปอาเจียนไม่ไหวแล้ว อาการแบบนี้ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับคนท้องค่ะ หากคุณแม่รู้สึกว่าแพ้อะไรหรือไม่ชอบอะไรก็อย่าไปทำอย่าไปเข้าใกล้มัน เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ ที่สำคัญเมื่อคุณแม่เกิดอาการแพ้ท้องขึ้น คุณพ่อต้องอยู่ให้กำลังใจคุณแม่มากๆ นั่นเองค่ะ

 

7. ขี้หลงขี้ลืมบ่อยๆ

คุณแม่หลายท่านต้องตกใจ และสงสัยในความเปลี่ยนแปลงของตัวเองอย่างกะทันหันกันเมื่อตั้งครรภ์กันอย่างแน่นอน อาการที่พบบ่อยๆ นั่นก็คือ ขี้หลงขี้ลืม และการย้ำคิดย้ำทำนั่นเอง เช่น ลืมว่าวางของสิ่งนี้ไว้ที่ไหน ลืมนัดวันสำคัญต่างๆ ที่เคยจำได้ รวมถึงชอบพูดซ้ำย้ำคิดย้ำทำอยู่บ่อย

ไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะ มันเป็นอาการปกติของแม่ท้องที่พบได้ในช่วงของการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3 เนื่องจากฮอร์โมนระหว่างตั้งครรภ์เกิดไปรบกวนการทำงานของสมองทำให้สมองทำงานด้อยลงนั่นเอง

 

8. ชอบกินอาหารแปลกๆ ที่ทุกคนคาดไม่ถึง

อาหารแปลกๆ ในที่นี้ อาจจะเป็นอาหารที่คนปกติเขาไม่นิยมกินกันก็ได้ค่ะ เช่น คุณแม่บางท่านอยากกินดิน อยากกินงู อยากกินถ่านก็มีค่ะ คาดไม่ถึงกันสุดๆ ไปเลยใช่ไหมล่ะ

เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับ 8 อาการแพ้ท้องสุดแปลก ที่มีแต่คุณแม่หัวอกเดียวกันเท่านั้นที่จะเข้าใจ แต่ถึงแม้ว่าคุณแม่อย่างเราจะแพ้ท้องหนักมากแค่ไหน หากมีคุณพ่อคอยให้กำลังใจกันอยู่ข้างๆ และพร้อมที่จะสู้ด้วยกัน เท่านี้คุณแม่อย่างเราก็สบายใจไปได้หลายเปราะแล้วค่ะ

ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิง : theasianparent
momandbabythailand
s-momclub

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save