fbpx

ทำไงดี! ลูกชอบคายอาหาร

Writer : nunzmoko
: 28 มกราคม 2562

ถ้าคุณแม่ที่กำลังเผชิญปัญหาลูกรักไม่ค่อยยอมกินข้าว อมข้าว คายข้าว หรือกินไปเล่นไป ต้องไล่ป้อนข้าวนานเป็นชั่วโมง ซึ่งเป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนปวดหัวไปตามๆ กัน และเนื่องจากช่วง 2 ขวบปีแรกเป็นช่วงที่มีความสำคัญอย่างมากต่อการเจริญโตเติบ ต้องใช้พลังงานเพื่อพัฒนาทั้งร่างกายและสมอง ดังนั้นการทานอาหารที่ดีและเพียงพอจึงมีความสำคัญอย่างมาก จะมีวิธีไหนช่วยกำจัดปัญหาลูกคายอาหารทิ้งได้บ้างไปดูกันค่ะ

1. ใช้ช้อนเล็กๆ

สำหรับทารกอายุ 5-6 เดือนซึ่งเพิ่งเริ่มให้อาหารมักจะใช้ลิ้นดุนอาหารออกมา เนื่องจากทารกยังตวัดลิ้นเอาอาหารลงไปด้านหลัง อาหารจึงลงไปในคอให้เด็กสามารถกลืนลงไปได้ วิธีการแก้ไขให้ใช้ช้อนเล็กๆ แบบตักอาการกึ่งเหลวป้ายไปที่เพดานปาก เพื่อให้อาหารเข้าไปด้านหลังจึงกลืนลงคอได้

2. เตรียมอาหารที่เคี้ยวง่าย

อาหารที่คุณแม่เตรียม ควรเตรียมให้เป็นอาหารนิ่มๆ เคี้ยวได้ง่าย เช่น ข้าว ไข่ต้ม เลือกเนื้อสัตว์ที่ลูกไม่แพ้ เช่น ปลา เนื้อไก่ เนื้อหมู และผัก เช่น ฟักทอง หรือแครอท แตงกวา เป็นต้น หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดเท่ากับครึ่งหนึ่งของเล็บนิ้วก้อยของลูก จัดใส่จานสักช้อนสองช้อนก่อน เพราะถ้าใส่มากเกินไปเด็กจะไม่ยอมทานค่ะ

3. ให้นมตามเวลาที่เหมาะสม

ให้นมลูกตามเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น การจะให้ลูกกินข้าวได้ ลองงดให้นมมื้อเช้ามืด หรือให้เฉพาะเวลาที่เหมาะสม พอลูกตื่นขึ้นมากระเพาะจะได้ว่าง เมื่อลูกรู้สึกหิว จะได้ทานอาหารได้นั่นเองค่ะ

4. หน้าตาของอาหารช่วยได้

แต่งอาหารมีสีสันแต่งรูปร่างอาหารในจานให้มีหน้าตาน่ากินและเข้ากับจินตนาการของเด็ก เช่น รูปดาว รูปดวงอาทิตย์ รูปการ์ตูนที่ลูกชอบ ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนรูปร่างของอาหาร เพื่อให้ลูกใช้มือหยิบกินหรือใช้ช้อนตักกินได้ถนัด

5. จัดบรรยากาศการกิน

จัดบรรยากาศในห้องอาหารให้สงบ ปิดโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นต่างๆ และงดการเล่นไว้ก่อน วางอาหารบนโต๊ะอาหาร กินอาหารร่วมโต๊ะอาหารพร้อมครอบครัว

6. จำกัดเวลาทานอาหาร

ชักชวนให้เด็กทานอาหาร โดยไม่แสดงความกังวลหรือติเตียน จำกัดเวลาในการรับประทานอาหารแต่ละมื้อ ให้เวลาลูกกินอาหาร 20 นาที ไม่กินเก็บ และจะให้กินอีกเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อต่อไปหรือเมื่อลูกแสดงอาการหิว มื้อเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญ หากได้อาหารโปรตีน เช่น ไข่สักฟอง ปลาทูครึ่ง-1ตัว ได้จะดีมากค่ะ

7. ลูกมีส่วนร่วมในการทำอาหาร

ลองเลือกอาหารที่ลูกต้องมีส่วนร่วมในการทำก่อนกิน เช่น อาหารที่ต้องจิ้มดิป ต้องทาแยมก่อน ฯลฯ เด็กๆ จะสนุกเหมือนได้เล่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน

สิ่งสำคัญคือ เราควรปล่อยให้ลูกกินตามปกติไม่ว่าจะเร็วหรือช้าแค่ไหนและอย่าพยายามเร่งให้ลูกกินอาหารหมดจานเร็วๆ เพราะจะเป็นการสร้างแรงกดดัน และสร้างอคติให้กับลูกทำให้ไม่อยากกินอาหารอีกนั่นเองค่ะ

ที่มา :

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save