fbpx

โตไปไม่ห่างพ่อ วิธีสร้างสายสัมพันธ์กับลูก สำหรับคุณพ่อบ้างาน

Writer : nunzmoko
: 20 มิถุนายน 2562

สำหรับคุณพ่อที่มีเวลาน้อยหรือเรียกได้ว่าเป็นคุณพ่อบ้างาน จนทำให้เกิดปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูก ไม่ว่าจะความไม่เข้าใจ หรือห่างเหินกัน วันนี้เรามีวิธีเลี้ยงลูกมาแนะนำคุณพ่อ ให้ลูกโตไปไม่ห่างพ่อมาฝากกันค่ะ

1. อ่านนิทานให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง

นี่คือสิ่งมหัศจรรย์ที่จะทำให้ลูกจำเสียงของพ่อได้ เสียงของพ่อจะทำให้ลูกเคยชิน หากได้ยินบ่อยๆ เมื่อไหร่ที่เขาคลอดออกมาเสียงพ่อคือเสียงที่จะทำให้เขาสงบลงได้เวลาร้องไห้อยู่ หรือในช่วงทารกคุณพ่อก็สามารถแบ่งเวลามาอ่านนิทานหรือร้องเพลงกล่อมลูกจะช่วยให้ทารกมีพัฒนาการด้านภาษาที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวัย 7-9 เดือน เพราะเป็นช่วงที่ลูกน้อยเริ่มพูดหรือเปล่งเสียงว่า “พ่อ” หรือ “แม่” ได้แล้ว

2. จูบราตรีสวัสดิ์ก่อนนอน

เมื่อถึงเวลานอนของลูก คุณพ่อบางคนอาจจะให้นอนเลยหรือทำงานจนดึกไม่ทันเจอลูกตอนนอน ดังนั้นหากวันไหนคุณพ่อกลับก่อนลูกหลับ ขอให้แบ่งเวลามากล่อมลูกให้นอนหลับอุ้มแล้วให้ไว้ซบที่อก กล่าวฝันดีราตรีสวัสดิ์และจูบราตรีสวัสดิ์ลูกสักหนึ่งฟอด จากนั้นค่อยวางลูกไว้ที่เตียงจะทำให้ลูกรู้สึกดีมากกว่าปล่อยให้ลูกหลับไปเอง การทำแบบนี้จะทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นเวลามีคุณพ่ออยู่ใกล้ๆ ส่งผลดีต่อพัฒนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจของเด็ก

3. หัวเราะและอารมณ์ดีเข้าไว้

คุณพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวซึ่งต้องดูแลทั้งคุณแม่และลูกๆ ดังนั้น ย่อยมีความเครียดและความกดดันมากเช่นกัน แต่หากคุณพ่อเลือกที่จะสื่อความรักออกมาในเชิงบวก หัวเราะและอารมณ์ดี ไม่เครียดหรือนำอารมณ์เสียจากเรื่องภายนอกบ้านเข้ามาในบ้าน ก็จะช่วยให้ลูกๆ ไม่กลัวที่จะเข้าหาคุณพ่อนั่นเอง

4. ทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แทรกไปในทุกกิจกรรม

ก่อนจะออกจากบ้านไปทำงาน คุณพ่อต้องหาเวลาไปฝึกการอุ้มลูก จับเรอ ล้างก้น เปลี่ยนผ้าอ้อม เพื่อที่จะได้แบ่งเบาภาระจากคุณแม่และได้ใจลูกอีกด้วย และหากถ้าลูกเริ่มโตแล้ว ก็ให้หากิจกรรมทำร่วมกับลูกในช่วงที่คุณพ่อมีเวลาว่าง อย่างการพาลูกออกไปเดินเล่น เล่นกีฬา ออกกำลังกาย สิ่งเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณพ่อที่แสนงานยุ่งกับลูกน้อยเป็นไปได้ด้วยดีค่ะ

5. ใช้คุณสมบัติพิเศษของคุณพ่อ

คุณพ่อมีมือที่ใหญ่และแข็งแรงจึงมีความสามารถในการอุ้มลูกได้อย่างกระชับ อุ้มลูกได้นานกว่า รู้สึกเหนื่อยยากกว่าคุณแม่ จงใช้ข้อดีให้เป็นประโยชน์ค่ะ เพราะมือพ่อที่อบอุ่นของคุณพ่อจะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเวลาที่ลูกอยู่ด้วย

แม้ว่าจะเป็นคุณพ่อที่มีงานยุ่งมากแค่ไหน เราก็ควรดูแลใส่ใจลูกตั้งแต่เล็ก อุ้มลูกบ่อยๆ เลี้ยงดูอย่างใกล้ชิด มีเวลาพูดคุย เล่นกับลูกเสมอ และเลี้ยงดูลูกอย่างเข้าใจ จะทำให้ลูกรับรู้ได้ถึงความรักจากพ่อ พอโตขึ้นเค้าก็จะไว้วางใจว่าพ่อคือคนที่สามารถพูดคุยด้วยได้ เมื่อลูกมีปัญหาก็จะกล้าปรึกษาคุณพ่อค่ะ

ที่มา – rakluke

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
28 มิถุนายน 2562
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save