โรคระบาดในไทยมีอยู่หลายโรคด้วยกันที่เป็นอันตรายกับลูกน้อย หนึ่งในนั้นก็คือโรคเฮอร์แปงไจนาหรือโรคตุ่มแผลในปากเด็กนั่นเองค่ะ แล้วโรคเฮอร์แปงไจนาคืออะไร สาเหตุของโรคนี้จะเกิดจากอะไรบ้าง มีวิธีป้องกันและรักษาได้อย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
โรคเฮอร์แปงไจนาคืออะไร
โรคเฮอร์แปงไจน่า เป็นโรคที่ติดเชื้อจากไวรัสชนิดเดียวกันกับมือ เท้า ปาก แต่มีอาการที่แตกต่างกันคือโรคเฮอร์แปงไจน่าจะมีแผลเฉพาะที่ปากเท่านั้น ขณะที่มือ เท้า ปาก นอกจากจะมีแผลที่ปากแล้วจะมีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเฮอร์แปงไจนา
- Herpangina เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus Infection) ชนิดที่พบบ่อย ได้แก่ เอนเทอโรไวรัส 71 ไวรัสคอกซากี (Coxsackie) ไวรัสกลุ่ม A ชนิด 1-10, 12, 16 และ 22 ซึ่งเป็นไวรัสติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
- ไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายได้ทั้งทางปาก ระบบทางเดินหายใจ ทางน้ำสะอาด รวมถึงวัตถุที่เป็นพาหะนำเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น ผ้าขนหนู แก้วน้ำ และของเล่น เป็นต้น
- ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หากต้องพบเจอ ใกล้ชิดกับผู้ป่วย Herpangina หรือต้องอยู่ในสถานที่ที่อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ เช่น โรงเรียน ค่ายกิจกรรม และสถานที่เลี้ยงเด็ก โดยเฉพาะในช่วงที่มีความเสี่ยงเกิดโรคสูง อย่างช่วงฤดูร้อนไปจนถึงต้นฤดูฝน
อาการของโรคเฮอร์แปงไจนา
- มีไข้เฉียบพลันหรือมีไข้สูงกว่า 38.5-40 องศาเซลเซียส
- เจ็บบริเวณเพดานปากและคอ
- เจ็บคอ เจ็บปวดขณะกลืนอาหาร
- มีจุดแดงๆ บริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่
- มีตุ่มแดงที่ทอนซิล หรือบริเวณในลำคอด้วยก็ได้
- ปวดหัว ปวดคอ
- ต่อมน้ำเหลืองในคอบวมโต
- น้ำลายไหลยืด (ในเด็กทารก)
- อาเจียน (ในเด็กทารก)
- ปวดท้อง
- เบื่ออาหาร
วิธีรักษาหากเกิดโรคเฮอร์แปงไจนา
- ควรงดไปโรงเรียน 1 สัปดาห์
- รักษาตามอาการ ได้แก่ เช็ดตัวเพื่อช่วยลดไข้ ให้ยาพาราเซตามอล
- ทายาเพื่อรักษาแผลในปากและบรรเทาอาการเจ็บ
- ไม่ต้องให้ยาต้านไวรัส หรือยาต้านจุลชีพ (ยาปฏิชีวนะ) ยกเว้นในรายการที่สงสัยว่ามีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
- ดื่มน้ำมาก ๆ โดยเฉพาะนมเย็น น้ำเย็น หรือกินไอศกรีม เพื่อเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกาย ทดแทนของเหลวที่เสียไปจากการมีไข้
- หลีกเลี่ยงการบริโภคเครื่องดื่มร้อน และผลไม้ตระกูลส้ม เพราะอาจทำให้เจ็บแผลในปากและคอมากขึ้น
- ที่เหลือเด็กสามารถทานอาหารได้ทุกอย่าง แต่ถ้าเด็กคนไหนเป็นมาก ไม่ยอมทานไม่ยอมกลืนอาหาร ควรหาของอ่อนๆ ให้เด็กทาน
- ถ้าหากเด็กรับประทานอาหารไม่ได้ หายใจหอบ ชัก ไข้ไม่ลง 3 วัน และซึมลง ควรรีบพบแพทย์
วิธีป้องกันโรคเฮอร์แปงไจนา
- ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคเฮอร์แปงไจนา
- ล้างมือให้สะอาด
- ระวังการสัมผัส น้ำลาย น้ำมูก ข้าวของเครื่องใช้ของเด็กที่เป็นโรค ซึ่งรวมทั้งของเล่นด้วย
- ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร
- ล้างมือให้สะอาดหลังเข้าห้องน้ำทุกครั้งด้วยน้ำสบู่และน้ำสะอาด
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชนแออัด หรือสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
การรักษาความสะอาดถือได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรสอดส่องดูแลลูกน้อยอย่างใกล้ชิดค่ะ
ที่มา