fbpx

วิธีป้องกันการลืมลูกไว้ในรถยนต์ ที่ผู้ปกครองควรรู้

Writer : nunzmoko
: 30 มกราคม 2561

ภาพจาก – thespruce.com

มีอันตรายที่เกิดจากการทิ้งลูกไว้ในรถยนต์ให้เห็นกันมากมาย โดยเฉพาะเด็กเล็ก เพราะเด็กเล็กไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ และหากคลาดสายตาคุณพ่อคุณแม่แม้เพียงนิดเดียว ก็อาจเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดอันตรายได้ เช่น ขาดอากาศหายใจ อุณภูมิที่ร้อนภายในรถอาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้ มีโจรลักพาตัวเด็ก ขโมยรถ หรือรถไหลจนเกิดอุบัติเหตุพุ่งชน เป็นต้น อันตรายที่อาจะเกิดขึ้นมากมายนี้สามารถป้องกันได้ด้ยวิธีต่อไปนี้ค่ะ

1. อุ้มหรือพาเด็กลงจากรถด้วยทุกครั้ง

อุ้มหรือพาเด็กลงจากรถด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าคุณจะลงรถไปเพื่อซื้อของเล็กน้อย หรือเพียงแค่เดินไปเก็บของที่หลังรถ เพราะเด็กมักซุกซนและไม่รู้ระบบภายในรถ เด็กอาจจะกดปุ่มต่าง เบรกมือ หรือเหยียบคันเร่ง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายได้

2. สำรวจให้แน่ใจทุกครั้งว่าลูกลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว

แม้ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ที่พาลูกขึ้นรถไปด้วยเองก็ตาม เมื่อลงจากรถต้องสำรวจให้แน่ใจว่าลูกลงจากรถมายืนกับพ่อแม่แล้วเรียบร้อย เพราะพ่อแม่บางคนมักจะเข้าใจว่าลูกลงจากรถมาเองแล้ว

3. ควรลดกระจกลงทั้ง 4 ด้าน เพื่อให้อากาศถ่ายเท

หากมีความจำเป็นจริงๆ ที่ต้องปล่อยลูกไว้ในรถ ควรลดกระจกรถทั้ง 4 ด้านลง 1/4 เพื่อให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่ควรปล่อยลูกไว้นานเกิน 10 นาที

4. รอรับ-ส่ง ลูกไปโรงเรียนทุกครั้ง

พ่อแม่ที่ใช้บริการรถรับ-ส่ง ของโรงเรียน เมื่อถึงเวลารถมาส่งลูกก็ควรจะรอรับเอง หรือให้บุคคลใกล้ชิดมารอรับแทน เพื่อจะได้ทราบว่าลูกลงรถอย่างปลอดภัยแล้ว

5. เช็คชื่อเด็กทุกคนก่อนขึ้น-ลง รถโรงเรียน

กรณีครูพี่เลี้ยงที่มารับ-ส่ง เด็กๆ ควรมีสมุดเช็คชื่อว่าเด็กแต่ละคนขึ้นรถลงรถเรียบร้อยแล้ว และจะต้องเห็นหน้าเด็กทุกคนทุกครั้งที่มีการรับ-ส่ง ขึ้นรถ ไม่ใช่เพียงการขานชื่อหรือเข้าใจไปเองว่าเมื่อรถจอดแล้ว เด็กจะลงไปเอง ครูพี่เลี้ยงควรเช็คชื่อเพื่อให้แน่ใจว่ามีจำนวนเด็กขึ้นรถและลงรถเท่ากัน เป็นการตรวจสอบย้ำว่าไม่มีเด็กคนไหนถูกลืมทิ้งไว้บนรถ

6. ตรวจตราภายในรถเมื่อส่งเด็กเรียบร้อยแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครอง หรือรถโรงเรียน เมื่อเด็กๆ ลงจากรถครบแล้วควรเดินตรวจภายในรถอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบว่ามีเด็กคนไหนหลับหรือหลบอยู่โดยที่ครูหรือผู้ปกครองไม่ทันสังเกตหรือไม่

7. โทรสอบถามรถโรงเรียนว่าถึงที่หมายหรือยัง

คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองที่ต้องดูแลเด็ก หากต้องให้เด็กเดินทางไปกับรถโรงเรียนหรือรถขอบุคคลอื่น ควรโทรสอบถามครู หรือผู้ที่รับเด็กไปด้วยว่าถึงที่หมายหรือยัง เด็กลงจากรถและเข้าโรงเรียนแล้วหรือยัง เพื่อเป็นการตรวจสอบและเพิ่มความระมัดระวังสำหรับครูและผู้ที่ดูแลเด็กค่ะ

 

  • ที่มา – rakluke.com
  • ขอบคุณภาพจาก – Khajochi Blog, Nation Photo, Thaicctv.co.th
Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



กิจกรรมของครอบครัว กิจกรรมของครอบครัว
15 กุมภาพันธ์ 2561
ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
20 กรกฏาคม 2560
9 อันดับหนังแนะนำ ดูกับลูกได้ในช่วง movie night
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save