fbpx

วิธีเลือกจุกนม ไอเท็มสำคัญของทารก

Writer : nunzmoko
: 18 กันยายน 2560

แน่นอนว่าการที่แม่ให้นมแก่ทารกถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพราะนอกจากจะทำให้ลูกได้รับสารอาหารที่ดีจากนมแม่แล้ว ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายอีกด้วย แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทำให้คุณแม่ไม่สามารถให้ลูกน้อยดูดนมจากอกได้ตลอด ตัวช่วยสำคัญที่ทำหน้าที่ใกล้เคียงกับนมแม่ก็คือ “จุกนม” นั่นเอง ซึ่งจุกนมถือเป็นไอเท็มสำคัญสำหรับเด็กทารกเลยก็ว่าได้ ดังนั้นคุณแม่จึงควรพิถีพิถันในการเลือกจุกนมให้ดีและเหมาะกับลูกน้อยของเราค่ะ

จุกนมแบบไหนที่เหมาะกับลูกมากที่สุด

สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาในการเลือกจุกนม คือ ลักษณะรูปทรงของจุกนมควรจะคล้ายกับนมแม่มากสุด ด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่ว่า ความเป็นธรรมชาตินั่นดีที่สุด เพื่อให้ลูกน้อยไม่รู้สึกแตกต่างในการสลับสับเปลี่ยนระหว่างการดูดนมแม่และจุกนม

การดื่มนมจากอกคุณแม่ เด็กจะต้องอ้าปากเพื่องับนมแม่ที่มีฐานกว้าง ระหว่างที่ดูดนมก็ต้องขยับเคลื่อนไหวกรามและลิ้นเพื่อให้น้ำนมไหลออกมา ดังนั้นเด็กที่ดูดนมแม่จึงมีการขยายของกราม ทำให้ลดปัญหาเกี่ยวกับการเรียงตัวของฟัน และลดโอกาสที่จะต้องจัดฟันในอนาคต นอกจากนี้ การขยับกรามและลิ้นขณะดูดนมแม่ เป็นการสร้างพื้นฐานที่ดีของการพูดและการออกเสียง

ดังนั้น สิ่งสำคัญในการเลือกจุกนมให้แก่ลูกน้อยคนสำคัญของคุณก็คือ การเลือกจุกนมเสมือนนมแม่ หรือจุกนมที่มีฐานกว้าง และเน้นที่เด็กต้องขยับปาก กรามและลิ้นจึงมีน้ำนมไหลออกมา เพื่อเลียนแบบลักษณะของการดูดนมแม่นั่นเอง

 

ภาพจาก – breastfeedingthai

 

การเลือกจุกนมในท้องตลาด

จุกนม มีไซส์ให้เลือกตามอายุของลูก เด็กแรกเกิดควรใช้ไซส์ s หรือ ss ซึ่งมีรูเล็ก เพราะเด็กจะดูดได้ช้าและน้อย เนื่องจากกล้ามเนื้อในช่องปากและระบบการกลืนยังไม่ค่อยมีแรง ถ้ารูกว้างไปจะทำให้เด็กสำลักได้ เมื่อลูกโตขึ้น ทานนมเยอะขึ้นค่อยเปลี่ยนไซส์ให้ใหญ่ขึ้น รูที่จุกนมใหญ่ขึ้นจะทำให้น้ำนมไหลเร็วขึ้น เพียงพอต่อความต้องการของเจ้าตัวน้อยค่ะ จุกนมมีอายุการใช้งานประมาณ 3 เดือน จึงควรเปลี่ยนจุกนมทุก 2-3 เดือน จุกนมมี 2 ชนิด ได้แก่

จุกนมยาง จุกนมที่ทำจากยางพาราจะเป็นสีน้ำตาล มีความนิ่มมากกว่าจุกนมซิลิโคน ทนความร้อน 100 ˚C มีอายุการใช้งานปกติ 3 เดือน แต่หากผ่านความร้อนสูงบ่อย อายุการใช้งานอาจเหลือไม่ถึง 1 เดือน

จุกนมซิลิโคน เป็นสีขาวใส มีความคงทนและอายุการใช้งานมากกว่าจุกนมยาง ทนความร้อน 120 ˚C มีอายุการใช้งาน 6 เดือน ถ้าดูแลอย่างถูกวิธี แต่อายุการใช้งานอาจเหลือ เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน หากผ่านความร้อนสูงบ่อยเกินไป

นอกจากนี้เด็กแต่ละคนมีแรงดูดที่ต่างกัน คุณแม่ต้องคอยสังเกต ถ้าเมื่อไรที่ลูกดูดนมไปได้สักพักแล้วร้องโยเย หรือหลับไปไม่นานก็ตื่นเพราะหิว นั่นอาจจะเป็นเพราะว่ารูจุกนมเล็กเกินไป น้ำนมไหลไม่ทันใจ คุณแม่ควรเปลี่ยนขนาดจุกนม หรือเจาะรูให้ใหญ่ขึ้นโดยใช้เข็มเย็บผ้าที่ฆ่าเชื้อแล้ว

ข้อแนะนำ : คุณแม่ควรซื้อจุกนมทีละน้อยมาให้ลูกลองก่อน เพื่อดูว่าลูกชอบแบบไหน จากนั้นค่อยซื้อมาตุนไว้ค่ะ

 

ที่มา – babyfirst

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ควรให้ลูกนอนวันละกี่ชั่วโมง?
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save