fbpx

5 วิธีสอนลูกให้รู้จักหวงตัว ไม่ให้ใครมาแตะง่ายๆ

Writer : nunzmoko
: 4 กรกฏาคม 2562

ปัญหาเด็กถูกล่วงเกินทางเพศ เป็นปัญหาทางสังคมที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ซึ่งผู้กระทำผิดส่วนมากเป็นคนที่เด็กคุ้นเคย หรือเป็นคนในครอบครัว และเมื่อทำความผิดแล้ว บุคคลเหล่านี้ก็จะพยายามปกปิดเรื่องโดยการกดดันเด็กต่างๆ ก่อให้เกิดผลกระทบทางด้านร่างกาย และจิตใจของเด็กอย่างรุนแรง ดังนั้นพ่อแม่ต้องมีวิธีสอนเด็กให้รู้จักการป้องกันตัวเอง โดยสอนนิสัย ทั้ง 5 ข้อต่อไปนี้ค่ะ

1. สอนให้เรียกชื่อ “อวัยวะ” ของร่างกายที่ถูกต้อง

ทันทีที่ลูกมีภาษาพูดต้องสอนลูกให้เรียกชื่อร่างกายที่ถูกต้องเพื่อให้ลูกสื่อสารกับพ่อแม่ได้อย่างถูกต้องว่ามีอะไรไม่ปกติเกิดขึ้นกับร่างกายของเขา คำกลางๆ ที่พวกเราใช้ เช่น จู๋ จิ๋ม ก้น หัวนม นม สำหรับอวัยวะที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องเพศ นั่นใช้ได้ดีอยู่แล้ว และไม่ได้เรียกยากจนเกินไป

เมื่อลูกโตขึ้นเข้าชั้นประถม ได้เรียนรู้คำที่เป็นวิชาการมากขึ้น ก็ต้องสอนลูกเพิ่มเติม อย่าคิดว่าเป็นเรื่องไม่ควรพูด

2. สอนลูกให้ “บอกพ่อแม่” เสมอถ้ามีใครมาขอดู ขอจับของส่วนตัว

สอนให้ลูกบอกพ่อแม่เวลามีใครมาขอดู ขอจับ หรือโชว์ของส่วนตัว กับลูก และลูกต้องไม่ปล่อยให้ใครมาสัมผัสเด็ดขาด แม้ว่าเขาจะเป็นญาติ พี่เลี้ยง ครู หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ ของลูกเองก็ตาม

3. “ไม่บังคับลูก” ให้กอดใคร หอมใคร ถ้าลูกไม่สมัครใจ

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรบังคับลูกให้เค้ากอด หอมใคร ถ้าลูกไม่สมัครใจ ถึงแม้เขาเหล่านั้นจะเป็นญาติแท้ๆ และต้องสื่อสารให้ลูกเข้าใจ และมั่นใจว่า ร่างกายของลูก ลูกต้องควบคุมมันได้ ไม่ใช่ใครจะมาบังคับแล้วลูกต้องทำตาม

4. อย่าปล่อยลูกไว้ “ตามลำพัง” กับคนที่พ่อแม่ไม่ไว้ใจ 100%

คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่ปล่อยให้ลูกอยู่กับคนอื่นและสอนให้ลูกไม่อยู่ตามลำพังกับคนที่ไม่น่าไว้ใจแบบเต็มร้อย เพราะเราไม่รู้ว่าเขาจะไม่ทำอะไรไม่ดีกับลูก จากสถิติการล่วงละเมิดทางเพศพบว่า “คนใกล้ตัว” กระทำผิดกับเด็ก “มากกว่า” คนไม่รู้จัก นั่นก็เพราะเด็กไว้วางใจคนรู้จัก แต่จะไม่เข้าใกล้คนแปลกหน้า

5. สอนให้ลูก “เคารพ” สิทธิในร่างกายของคนอื่นด้วย 

ถ้าลูกจะไปถูกเนื้อถูกตัวใครให้ขอก่อน ถ้าใครบอกให้ “หยุด” ลูกต้องหยุด เวลาเล่นกับพี่กับน้องก็เหมือนกัน ถ้ามีใครขอให้หยุดโดนตัวกัน ต้องหยุดเสมอ เราจะไม่ฝืนใจคนอื่น

ตัวช่วยในการป้องกัน คือ การสอนลูกไม่ว่าจะเป็นลูกสาวหรือลูกชายให้ “หวงร่างกายของตน” และระวังตัวไว้อยู่เสมอค่ะ

ที่มา – amarinbabyandkids

Writer Profile : nunzmoko

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



8 กีฬาฝึกลูกไว้ไม่มีเชย
กิจกรรมของครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save