fbpx

หากลูกแพ้แป้งสาลี จะต้องทำอย่างไร

Writer : OttChan
: 25 มิถุนายน 2563

คุณพ่อคุณแม่เคยพบปัญหาอาการแพ้อาหารของลูกน้อยกันบ้างไหมคะ เชื่อว่าไม่มากก็น้อย เด็กๆ น่าจะมีอาการแพ้บางอย่างโดยที่เราไม่ทันได้ระวัง อาทิ การแพ้นม, แพ้ถั่ว, แพ้ไข่และที่คาดไม่ถึงที่สุดก็คือการแพ้แป้งในข้าวสาลีซึ่งเป็นหนึ่งในสารอาหารหลักเลยที่มีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของลูกน้อยทั้งร่างกายและระบบของสมอง ซึ่งการแพ้แป้งสาลีนั้นสามารถออกอาการได้ตั้งแต่วินาทีแรกหลังทานเสร็จ , เกิดขึ้นได้หลักจากนั้นเป็นชั่วโมงรึมีอาการติดต่อกันอีกหลายวันเลยทีเดียว แบบนั้นจึงยิ่งทำให้อันตรายค่ะกว่าจะรู้ว่าลูกของเรามีอาการแพ้ ดังนั้นเราจะมาสังเกตกันว่าอาการไหนที่จะทำให้รู้ว่าลูกของเราแพ้แป้งสาลี

อาการของการแพ้แป้งสาลี

  • ผิวหนังก่อให้เกิดผื่นแดงคัน, ผื่นลมพิษ มีอาการหน้าบวม, ตาบวม, ริมฝีปากบวม และคันคะเยอ
  • ระบบทางเดินหายใจ จะมีอาการน้ำมูกไหล, ไอ, จามหรือหากรุนแรงมากๆ อาจอักเสบไปถึงปอดนำไปสู่อาการหลอดลมตีบเฉียบพลันได้
  • ระบบทางเดินอาหารจะมีอาการปากบวม, คลื่นไส้, ปวดท้อง ท้องเสีย รู้สึกกลืนอะไรไม่ได้ อยากเอาออกตลอด
  • ระบบประสาทหรือระบบหัวใจส่งผลให้มีอาการ เวียนศีรษะ, ความดันโลหิตต่ำ, เบลอและมึนงงไม่ค่อยมีสติและหากแพ้หนักๆ อาจลามไปถึงการเสียชีวิต

สาเหตุที่ทำให้แพ้แป้งสาลี

  • พันธุกรรมของคุณพ่อหรือคุณแม่ที่มีอาการแพ้หรืออ่อนไหวได้ง่ายกับการรับประทานแป้งสาลี
  • ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังไม่แข็งแรงพอให้ทานได้
  • ช่วงอายุในการได้รับอาจยังเล็กเกินกว่ากระเพาะจะรับได้ ทำให้ตอนยังเล็กมากไม่สามารถทานได้แต่พอเริ่มโตก้ทานได้เป็นปกติ
  • การใช้ชีวิตและสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไปในทางแย่ลงจนทำให้ภูมิต่างๆ ถูกกดต่ำไปด้วย

วิธีป้องกันอาการแพ้แป้งสาลี

  • คุณแม่ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมลูกเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ลูกในท้องไม่จำเป็นต้องงดทานแป้ง, นม, ถั่ว
  • ให้ดื่มนมแม่จนอายุถึง 6 เดือนเพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ได้มากที่สุดกับลูกน้อยในช่วงเสริมภูมิของร่างกาย
  • ค่อยๆ ลองให้ชิมอาหารที่อาจแพ้ทีละนิดเพื่อสังเกตอาการแพ้ว่ามีหรือไม่ หากแพ้ให้หยุดทันที
  • หลีกเลี่ยงอาหารทุกชนิดที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี อาที ขนมปัง สปาเกตตี้ เค้กหรือแม้แต่ขนมอบต่างๆ
  • มองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคำว่า wheat free, gluten free นั่นหมายถึงไม่มีส่วนผสมของแป้งสาลี
  • หากมั่นใจแล้วว่ามีอาการแพ้หนัก แม้แต่ละอองก็ทำให้รู้สึกวิงเวียนไม่สบายต้องรีบนำพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกจุด

 

ที่มา : happymom, breastfeedingthaithaichildcare

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



นวด นวด นวด มานวดลูกน้อยกันเถิด
เด็กวัยแรกเกิด
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save