fbpx

[สัมภาษณ์] สัมภาษณ์หมอเต้เรื่องฟันของลูก ที่พ่อแม่หลายคนยังไม่รู้

Writer : Lalimay
: 22 กุมภาพันธ์ 2561

เคยไหมคะ? แปรงฟันให้ลูกทุกวัน แต่ฟันก็ยังผุ… ทั้งๆ ที่คุณพ่อคุณแม่พยายามอย่างมากเพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของเจ้าตัวเล็ก นั่นเป็นเพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับฟัน หรือไม่เคยรู้เรื่องลับๆ ของฟันมาก่อนค่ะ

วันนี้ Parents One ได้มีโอกาสสัมภาษณ์คุณหมอเต้ – ทพญ. มณฑิสา เอี่ยมกระสินธุ์ – จาก Dente Align Clinic ทันตกรรม คุณหมอที่ดูแลฟันให้แก่จินและเรนนี่ แห่งบ้าน Little monster รวมไปถึงน้องวชิของเรา มาดูกันดีกว่าว่าการดูแลฟันให้เด็ก จริงๆ แล้วควรจะต้องมีอะไรกันบ้าง ?

ปัญหายอดฮิตเกี่ยวกับเรื่องฟันของเด็กที่หมอฟันมักจะเจอบ่อยๆ คืออะไร

หมอเต้ : ปัญหาหลักของเด็กคือฟันผุค่ะ เพราะดื่มนมขวดคาปากตอนนอน ให้ลูกหลับไปพร้อมกับขวดนม ก็จะมีการหมักของเชื้อจุลินทรีย์ ถึงแม้ว่าเป็นนมจืดแต่ในนมก็มีน้ำตาลแลคโตสอยู่แล้ว

ในช่วงกลางคืน เป็นช่วงที่ร่างกายมีการสร้างน้ำลายออกมาน้อยกว่าในเวลากลางวัน พอตื่นมาจะรู้สึกว่าช่องปากเหนียวขึ้น ดังนั้นการนอนหลับคาขวดนมตอนกลางคืนจะทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย

จริงไหมที่เด็กสมัยนี้ฟันผุมากกว่าสมัยก่อน

หมอเต้ : จริงค่ะ บางทีอาจจะมาจากความเชื่อที่ผิดๆ เช่น คุณแม่เห็นลูกไม่กินนม เลยใส่น้ำหวาน ใส่น้ำตาล เอานมรสหวานให้ลูกกิน เหมือนเป็นตัวช่วยให้ลูกกินนมได้มากขึ้น ซึ่งจริงๆ มีปริมาณน้ำตาลเยอะ และเนื้อนมน้อยกว่ามาก ทำให้เด็กได้รับประโยชน์จากการกินนมน้อย 

เรื่องของการทำความสะอาดก็เป็นส่วนสำคัญ บางทีเด็กไม่ยอมให้ทำความสะอาด พ่อแม่บางคนสงสารลูก ไม่อยากเห็นลูกร้องไห้ ไม่อยากขัดใจ ก็ไม่แปรง แบบนี้จะเรียกว่าพ่อแม่รังแกฉันก็ได้

ทำไมจะต้องดูแลฟันน้ำนมด้วย ในเมื่อเดี๋ยวมันก็ต้องหลุด

หมอเต้ : เรื่องนี้เป็นปัญหายอดฮิต จริงๆ แล้วฟันน้ำนมสำคัญมาก เมื่อเราเสียฟันไป ไม่ว่าฟันหน้าหรือฟันหลังก็จะส่งผลกระทบตามมา คือ

  • ถ้าฟันหน้าก็จะพูดไม่ชัดและทำให้ยิ้มไม่เต็มที่ พอยิ้มก็โดนแซ็วจนเกิดความไม่มั่นใจ บุคลิกภาพก็เสียไป
  • ถ้าฟันหลังก็เคี้ยวไม่ละเอียด การเคี้ยวไม่ละเอียดจะส่งผลไปถึงระบบการย่อยอาหาร 
  • การมีฟันผุค้างอยู่ในปากจะทำให้เชื้อโรคที่ฟันน้ำนมทะลุไปหาฟันแท้ที่อยู่ข้างใต้ได้ ซึ่งทำให้เกิดการติดเชื้อ เชื้อโรคก็วนเวียนอยู่ในปากไปเรื่อยๆ น้องจะกลายเป็นคนที่มีกลิ่นปาก
  • การเก็บฟันน้ำนมที่ดีเอาไว้ก็เป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างกระดูกขากรรไกรให้เป็นในลักษณะที่เหมาะสม

วิธีการดูแลช่องปากให้ลูก

หมอเต้ : ในเรื่องของการดูแล เราต้องแบ่งเป็นช่วงอายุก่อน ถ้าเด็กที่ฟันยังไม่ขึ้น แรกเกิดจนถึง 6 เดือน หลักๆ คือให้กินนมแม่ อย่าให้น้องกินอะไรที่มีรสหวาน อย่าเอาอาหารรสหวานมาเป็นรางวัล เช่น ถ้าเป็นเด็กดีเดี๋ยวให้กินลูกอม เราต้องมีการชักจูงหรือมีแรงจูงใจเป็นอย่างอื่น ส่วนวิธีที่สำคัญคือ

  • เริ่มทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าก็อซชุบน้ำต้มสุกบิดหมาดแล้วเช็ดในช่องปากน้อง ถึงแม้หลับก็ยังทำได้ เพื่อให้เขาค่อยๆ คุ้นเคยกับการมีอะไรอยู่ในปาก เราก็ต้องสร้างพฤติกรรม สร้างประสบการณ์ที่ไม่ได้น่ากลัวให้กับเขาตั้งแต่เด็ก
  • ในเด็กประมาณ 2-3 ขวบที่ฟันน้ำนมขึ้นครบหมดแล้ว การแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันอย่างเดียวเริ่มไม่สะอาด ต้องใช้ไหมขัดฟัน เข้าไปในซอกฟัน ต้องใส่แล้วมีการโอบเป็นตัวซี ซึ่งพ่อแม่หลายคนไม่ได้ทำ เพราะทำไม่เป็น ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พ่อแม่หลายคนละเลยไป ซึ่งจริงๆ ดูเหมือนยาก แต่ถ้าทำเป็นนิสัยแล้วทุกอย่างจะง่าย

การหาหมอฟันสำหรับเด็กจำเป็นมากแค่ไหนและควรบ่อยแค่ไหน

หมอเต้ : การหาหมอฟันก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ปกติจะแนะนำให้มาเจอหมอฟันตั้งแต่ฟันซี่แรกเริ่มขึ้น เพราะว่า เราจะได้มาตรวจว่าฟันซี่แรกที่ขึ้นมาเป็นฟันปกติหรือเปล่า ฟันขึ้นในตำแหน่งที่ดีไหม ควรพามาเป็นประจำทุก 6 เดือนหรือ 3 เดือนแล้วแต่ความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ เพื่อติดตามการขึ้นของฟัน ดูพฤติกรรม ดูอาหารการกิน การทำความสะอาด เป็นต้น

การมาหาหมอฟันโดยที่ยังไม่มีปัญหา อย่างน้อยคือปรับพฤติกรรมให้น้องคุ้นเคยกับหมอฟัน ถ้าเด็กไม่เคยต้องเจ็บปวดกับการทำฟัน เขาจะไม่เคยกลัวหมอฟันเลย เขาไม่ทรมาน มาเจอกันทีก็ขัดฟัน เคลือบฟลูออไรด์ (หัวเราะ) ไม่ต้องมานั่งกรอฟัน หรือถ้ามีผุจริงๆ ก็จะเป็นจุดเล็กๆ ค่ะ

ฟลูออไรด์จำเป็นมากแค่ไหนในเด็กเล็ก

หมอเต้ : เด็กเล็กมากๆ อาจยังไม่ต้องใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ หรือถ้าจะใช้ก็ต้องป้ายน้อยมาก แค่พอเปียก เป็นการควบคุมปริมาณฟลูออไรด์ไม่ให้รับเยอะเกินไป เพราะถ้าน้องกลืนขึ้นมาก็จะมีปัญหาอื่นๆ ตามมาได้ เช่น ฟันตกกระ เป็นรอยด่างขาวที่ฟัน ยาสีฟันต้องเลือกที่ไม่มีน้ำตาล ไม่มีแอลกอฮอล์

ส่วนการเคลือบฟลูออไรด์ในเด็กเล็กๆ หมอแนะนำให้เคลือบฟลูออไรด์ตั้งแต่ 2 – 2 ขวบครึ่ง ให้น้องเขาโตหน่อย พอคุยรู้เรื่องได้บ้าง อีกอย่างที่สำคัญคือเรื่องควบคุมการกลืน น้องต้องควบคุมการกลืนได้ดีพอสมควร อาจลองให้น้องบ้วนน้ำให้เป็นก่อน

หลักการที่สำคัญในการทำฟันให้เด็ก

หมอเต้ : ปกติเราต้องใช้หลักการทางจิตวิทยาค่ะ คือ

  • สร้างความคุ้นเคยกับเด็กก่อน
  • ให้ดูอุปกรณ์คร่าวๆ ว่าอุปกรณ์ของหมอคืออะไร อย่างเช่น หมอมีกระจกนะ อันนี้กระจกเอาไว้นับฟัน เป็นต้น
  • ภาษาที่ใช้เวลาทำฟันเด็กจะเป็นภาษาน่ารักๆ เป็นภาษาสร้างจินตนาการที่ดีให้กับเด็ก (หัวเราะ) เช่น ถ้ามีการกรอฟัน ก็อาจจะเป็น การเป่าน้ำที่ฟัน ล้างน้ำ มีหนอนกี่ตัว ขอนับหน่อย ตอนนี้หนอนออกไปตัวหนึ่งแล้วนะ ขอคุณหมอดูนิดนึงนะ อะไรแบบนี้
  • มีการแยกผู้ปกครอง เพราะว่าเด็กจะอ้อนถ้าเห็นพ่อแม่ บางคนร้องไม่หยุด แต่เราสามารถใช้เรื่องนี้มาเป็นแรงกระตุ้นเชิงบวกได้ คือ ให้คุณพ่อคุณแม่เข้ามาอยู่กับน้องเมื่อน้องทำตัวดี  เช่น อ้าปากค้างแล้ว เก่งมากเลยลูก เดี๋ยวคุณหมอให้คุณพ่อคุณแม่เข้ามาอยู่กับหนู แต่หนูต้องเป็นเด็กดีนะ เป็นต้น
  • ใช้วิธีหลอกล่ออื่นๆ เช่น ให้วิตามินซีหรือลูกโป่งที่พับเป็นหมาหรือดอกไม้ ซึ่งหมอฝึกเรื่องการพับลูกโป่งมาตั้งแต่สมัยที่เป็นนักศึกษาทันตแพทย์เลยค่ะ (หัวเราะ)

สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมก่อนพาลูกมาหาหมอฟัน

หมอเต้ : ต้องคุยกับน้องให้ดีเวลาจะพามาหาหมอฟัน ให้ใช้หมอฟันเป็นแรงกระตุ้นเชิงบวก ไม่ใช่บอกว่า ‘ถ้าหนูดื้อจะพาไปหาหมอฟัน พาไปถอนฟันเลย’ อย่าใช้หมอฟันเป็นคำขู่ ไม่ได้เลยค่ะ หมอจะต้องเป็นเหมือนนางฟ้า ไม่ใช่นางมารร้าย (หัวเราะ) ต้องบอกว่ามาเจอหมอ หมอจะทำให้หนูฟันสวย ฟันขาว หมอจะทาวุ้นๆ เจลๆ ที่ฟัน สนุกๆ

นอกจากเรื่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากต่างๆ แล้ว คุณหมอก็ยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดฟันในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับความผิดปกติจากการขึ้นของฟันอีกด้วย เนื่องจากคุณหมอเต้เป็นคุณหมอเฉพาะทางเรื่องจัดฟันค่ะ

จัดฟันแบบใสคืออะไร

หมอเต้ : จัดฟันแบบใสก็เป็นเครื่องมือถอดได้ชนิดหนึ่งถูกทำมาเฉพาะบุคคล โดยสามารถวางแผนได้ตั้งแต่ต้นจนจบว่าจะให้มีสเต็ปการเคลื่อนฟันไปในลักษณะไหน 

หลักการการเคลื่อนที่ของฟันก็คือ หมอจะแสกนฟันสามมิติของคนไข้ขึ้นมา คือเห็นได้รอบด้าน จากนั้นก็จะแพลนการเคลื่อนฟันตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะฉะนั้นคนไข้จะรู้เลยว่าระยะเวลาที่ใช้จัดฟันทั้งหมดคือใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ต้องเปลี่ยนเครื่องมือจำนวนกี่ชิ้น ซึ่งจะมีซีรีส์ของชุดเครื่องมือ คือฟันจะเคลื่อนที่ละนิดตามการเปลี่ยนแปลงของชุดเครื่องมือค่ะ

โดยรวมคือ สวย เร็ว ดีแต่แพง วินัยของคนไข้คือสิ่งที่หมอพยายามเน้นที่สุด เพราะว่า มันเป็นอุปกรณ์ที่ถอดได้ คือคนไข้สามารถกินข้าวได้ตามปกติ จะให้ถอดเฉพาะตอนกินข้าวกับตอนแปรงฟัน ถ้าไม่ใส่ก็ไม่เกิดการเคลื่อนฟัน ถ้าใส่ไม่ถูกต้องตามที่หมอบอกก็เกิดการเคลื่อนฟันไปในทางที่ผิด

เราก็อยากให้คนไข้ได้รับแต่สิ่งที่ดีค่ะ ถ้าสมมติว่าคนไข้มีงบประมาณเท่าไหร่ จริงๆ แล้วเราก็สามารถที่จะเลือกได้ การจัดฟันใสหรือเหล็กเป็นเพียงเครื่องมือหนึ่ง ถ้ามีงบแค่ไหน อยากมีไลฟ์สไตล์แบบไหน ก็เลือกให้เหมือนกับที่เราต้องการได้

เรียบเรียงโดย
ทีมงาน ParentsOne

 

 

 

 

 

 

 

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



มีบุตรยาก แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save