fbpx

ลูก VS ประตู ดูแลอย่างไรให้ไม่เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น

Writer : OttChan
: 30 มีนาคม 2565

ปัญหาของทุกบ้านที่มีเด็กเล็กมักเจอ นั่นก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับประตู ไม่ว่าจะเป็น ลูกถูกประตูหนีบ, บานประตูเปิดมาแล้วกระแทกโดน, ลูกเปิดประตูออกไปนอกบ้านเอง, กระจกประตูแตก, ลูกล็อคประตูจากข้างใน หรืออีกมากมายที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องมีการป้องกัน และมีการดูแลที่ดีมากขึ้นเพื่อให้ลูกของเราปลอดภัยในการใช้ชีวิตประจำวัน

ซึ่งจะต้องระวังยังไงบ้างเรามาดูกันเลยค่า

 

อุบัติเหตุที่เกิดจากประตูเกิดจากอะไรได้บ้าง

สิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันอาจทำให้เราไม่ทันได้สังเกตว่า ประตูซักประตูของบ้าน อาจทำให้ลูกของเราเสี่ยงอยู่ในอันตรายโดยที่เราไม่คาดได้ซึ่งเหตุการณ์ที่มักเกิดขึ้นเกี่ยวกับการใช้ประตูของลูก มักเกิดปัญหาได้ดังนี้

  • ถูกประตูหนีบหรือทับเอาจากการเปิด-ปิด
  • เผลอกดล็อคจนทำให้ลูกติดอยู่ในห้อง
  • ประตูเป็นแบบกระจก และแตกได้
  • บานประตูรั้วหลุดลงมา และทับเด็ก
  • ประตูไฟฟ้าเลื่อนมาโดยที่เด็กติดอยู่ที่ตัวเลื่อน

 

วิธีป้องกันที่ 1

ประตูหนีบลูก

อันนี้อาจเป็นเหตุการณืที่พบเจอได้บ่อยสุดแล้วเมื่อเจ้าตัวเล็กของบ้านเปิดปิดประตู และยังไม่ทันจะได้เอามือหรือเท้าออก ประตูก็อาจจะปิดลงมาแล้วโดยไม่ทันได้ระวังตัว อาจก่อให้เกิดแผล หรืออาการบาดเจ็บรุนแรงได้ยิ่งหากประตูนั้นทั้งหนักและแข็ง วิธีแก้ไข หรือป้องกันจึงสามารถทำได้ดังนี้

  • หุ้มขอบประตูด้วยวัสดุที่นุ่มและยืดหยุ่นเพื่อลดความรุนแรงในการโดนหนีบ
  • ก่อนเปิดหรือปิดประตูให้ก้มมองเสมอว่าลูกอยู่ใกล้ๆ ประตูหรือไม่
  • หากลูกเริ่มพูดได้ ให้ส่งเสียงบอกเสมอเมื่อกำลังอยู่ใกล้ประตู เพื่อให้เรารู้ทุกครั้งเวลาลูกกำลังผ่านแต่ละประตูไป

 

วิธีป้องกันที่ 2

ลูกกดล็อคประตูเอง

อีกปัญหาที่เจอกันได้ทุกบ้านเมื่อลูกเริ่มสูงพอจะจับลูกบิดประตูเองได้ ทำให้บ่อยครั้งเวลาหลังบิดมักจะเผลอกด หรือลองกดดู สุดท้ายเลยกลายเป็นว่าทำให้ลูกติดอยู่ในห้อง ไม่สามารถเปิดประตูออกมาเองได้ หรือแม้แต่ตัวพ่อแม่เองก็เข้าไปช่วยออกมาไม่ได้ และยิ่งอันตรายหากเป็นห้องน้ำ หรือห้องครัวที่เต็มไปด้วยอุปกรณืสุ่มเสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุอย่าง พื้นที่แฉะน้ำ, อ่างน้ำที่มีน้ำเต็ม , ของมีคมในห้องครัว เราจึงต้องหาวิธีป้องกันเช่น

  • มีกุญแจสำรองที่ทิ้งไว้ที่บ้าน และสามารถหยิบใช้ได้อย่างรวดเร็ว
  • เรียนรู้กลไกตัวลูกบิดที่ซื้อมา ว่าสามารถใช้อะไรไขแทนได้บ้าง หากหากุญแจไม่เจอ
  • สอนลูกให้รู้จักการบิดประตู หมุนขวา หมุนซ้ายให้เป็น เพื่อทำให้สามารถปลดล็อกเองได้

 

วิธีป้องกันที่ 3

กระจกประตูแตก

กระจกของประตูแต่ละที่นั้น มักมีความหนาและแข็งแรงไม่เท่ากัน ซึ่งสำหรับประตูกระจกเองก็มักมีข่าวอยู่หลายครั้งเกี่ยวกับการใช้ว่ามีการแตกพัง หรือระเบิดออกมาซึ่งหากบ้านไหนมีเด็กเล็กหรือคนแก่ จะยิ่งอันตรายกว่าปกติมากด้วยเศษแก้วที่ตกอยู่ตามพื้น หรือแรงระเบิดที่ชิ้นส่วนต่างๆ ของบานกระจกกระเด็นออกมานอกเหนือรัศมีรอบประตู การป้องกันหรือแก้ไขจึงเริ่มได้ตั้งแต่

  • หากรู้ว่ากำลังจะมีลูกอ่อน เลือก, เปลี่ยนประตูแบบอื่นแทนประตูกระจก
  • ติดสติ๊กเกอร์หรือผ้าใบเพื่อให้เห็นว่ามีอะไรกั้นอยู่ ไม่ให้ลูกเผลอวิ่งชน
  • ติดฟิลม์ซิลิโคนเพื่อกันเวลาแตกแล้วเป็นชิ้นร่วงลงมา

 

วิธีป้องกันที่ 4

ประตูรั้วหล่นทับ

ประตูที่ใหญ่ที่สุดของบ้านอย่างไรก็คงไม่พ้นประตูรั้วที่มีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบลากธรรมดา, แบบเลื่อนไฟฟ้า หรือแบบเปิดปิดจากประตูทั้ง 2 ด้าน ซึ่งปัญหาที่เจอนั้นก็มักจะแตกต่างออกไป ไม่ว่าจะเป็น ประตูมีช่องแง้มทำให้ลูกสามารถลอดตัวออกไปได้ , ประตูตกรางเลื่อนทำให้ล้มลงมา, ระบบไฟฟ้าของตัวเลื่อนขัดข้องทำให้ประตูช็อตหรือขยับโดยผิดปกติ เราจึงต้องระวังไว้อีกเช่นกันกับประตูบานใหญ่ๆ

  • หมั่นล็อคให้แน่นเสมอ ไม่ว่าเราจะอยู่ในบ้านหรือนอกบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกมาเปิดออกไปจากบ้านโดยที่เราไม่รู้
  • เช็กระบบไฟฟ้า, สภาพประตูอยู่เสมอเพื่อลดอุบัติเหตุการใช้งานขัดข้อง
  • สอนลูกเสมอว่าหากจะออกไปต้องเรียกผู้ใหญ่ในบ้านให้ไปด้วย, ไม่เปิดหรือออกไปเอง เช่น ของเล่นหลุดไปนอกบ้าน, อยากออกไปข้างนอก, อยากซื้อของขายตามรถเข็นที่เข็นผ่าน

ที่มา story.motherhood , ezerrathailandofficial , thaikidssong

Writer Profile : OttChan

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ลูกชอบพูดแทรก จะแก้อย่างไร
ชีวิตครอบครัว
7  วิธี พิชิตการทานยากของเด็ก
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save