fbpx

คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องรู้ มาทำความรู้จักกับการอัลตราซาวด์ให้มากขึ้นกันเถอะ!

Writer : Lalimay
: 26 ตุลาคม 2561

เมื่อรู้ว่ากำลังจะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้อง ว่าที่คุณแม่ก็คงตื่นเต้นไม่น้อย น่าจะมีหลายเรื่องที่อยากรู้ เช่น ลูกจะแข็งแรงดีไหม อายุของลูกคือเท่าไหร่ จะเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิง รวมไปถึงหน้าตาของลูก ซึ่งการอัลตราซาวด์จะเป็นการตอบคำถามที่คุณแม่สงสัย โดยวันนี้เราจะพาว่าที่คุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับการอัลตราซาวด์ให้มากขึ้นค่ะ

วิธีการตรวจ

1.ตรวจผ่านช่องคลอด

ใช้ในช่วงไตรมาสแรก (จนถึง 11-12 สัปดาห์) ได้ภาพที่ละเอียดและใกล้ชิด เพราะมีการสอดเครื่องมือเข้าไปในช่องคลอดทำให้เห็นมดลูกในตำแหน่งที่ใกล้กับลูกในครรภ์ อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบความแข็งแรงของมดลูกและรังไข่ของคุณแม่ได้ด้วย

2.ตรวจผ่านช่องท้อง

จะเป็นการใช้หัวตรวจ ตรวจจากภายนอกท้อง โดยจะทาเจลสำหรับช่วยให้คลื่นผ่านได้ดีที่ท้อง จะรู้สึกเย็นๆ ไม่เจ็บปวด

จำนวนครั้งในการอัลตราซาวด์

อัลตราซาวด์ประมาณ 3 ครั้ง ตามแต่ละไตรมาส

  • ไตรมาสที่ 1  6-7 สัปดาห์
  • ไตรมาสที่ 2 18-20 สัปดาห์
  • ไตรมาสที่ 3 35-37 สัปดาห์

อัลตราซาวด์ดูอะไรได้บ้าง?

  • ยืนยันอายุครรภ์
  • ดูจำนวนทารก
  • ดูเพศ
  • โครงสร้างของร่างกายทารก
  • ประเมินน้ำหนัก
  • ดูลักษณะรกและปริมาณน้ำคร่ำ
  • ตำแหน่งในการตั้งครรภ์ ว่าท้องนอกมดลูกหรือไม่
  • ตรวจสอบความพิการ
  • ดูความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดาวน์ซินโดรม

รูปแบบของการอัลตราซาวด์

  • การอัลตราซาวด์ 2 มิติ : เป็นภาพตัดขวาง เป็นเงาดำๆ เห็นหน้าลูกไม่ชัด
  • การอัลตราซาวด์ 3 มิติ : มีความลึกเพิ่มเข้ามา ทำให้เห็นภาพเสมือนวัตถุจริง พ่อแม่ก็ดูรู้เรื่อง
  • การอัลตราซาวด์ 4 มิติ : เพิ่มเรื่องการเคลื่อนไหว ทำให้เห็นว่าลูกกำลังขยับร่างกายอยู่ในขณะที่ตรวจ

** การอัลตราซาวด์ไม่มีผลต่อทารกที่อยู่ในครรภ์ **

ข้อมูลอ้างอิงจาก

Writer Profile : Lalimay

  • Blog :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save