fbpx

รอบรู้เรื่องยา ยาตัวไหนบ้างที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถใช้ได้ ปลอดภัยกับลูกน้อย

Writer : Jicko
: 25 ธันวาคม 2561

เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ ทุกสิ่งที่อย่างรอบๆ ตัวไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตามก็เป็นสิ่งที่พึงระวังอยู่แล้ว และยาก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ต้องระวังสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เนื่องจากหากรับประทานยาที่แรงเกินไป ก็ส่งผลกระทบต่อลูกในครรภ์ได้เช่นกัน

และยาก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ปลอดภัยหมดทุกอย่าง เพราะฉะนั้นทุกครั้งคุณแม่ๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ควรซื้อยาหรือรับประทานยาจากใบสั่งแพทย์เท่านั้น และควรปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการใช้ และปริมาณการใช้ในทุกๆ ครั้งอีกด้วย

จะมียาอะไรบ้างที่คุณแม่ๆ ตั้งครรภ์ใช้ได้บ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

ผลของการทานยาต้องห้าม

  • ช่วงอายุ 2-3 เดือนแรก ยาจะมีผลอย่างมาก เนื่องจากเป็นช่วงที่อวัยวะพัฒนา ถ้าได้รับสารเคมีต่างๆ ที่ผิดปกติเข้าไปนั้น จะทำให้เด็กพิการทันที
  • การได้รับยาในช่วงหลังตั้งครรภ์ 3 เดือนไปแล้ว จะทำให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้า ส่งผลให้เกิดภาวะเกร็ดเลือดต่ำ หรือเด็กตัวเหลืองได้

 

ยาที่ใช้ได้ในช่วงตั้งครรภ์ได้แก่

  • ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) : เป็นกลุ่มยาบรรเทาอาการแก้ปวด และยาต้านไข้ สำหรับการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ ตัวยาจะจัดอยู่ในกลุ่ม Category B คือยาค่อนข้างมีความปลอดภัยในการใช้ยาในสตรีมีครรภ์ สามารถใช้ในระยะสั้นๆ
  • ยาลดกรด (Antacids) : ซึ่งมีส่วนประกอบของแคลเซียมคาร์บอเนต ใช้ลดอาการกรดไหลย้อนได้ หากอาการกรดไหลย้อนหมดไป ก็สามารถหยุดยาได้ค่ะ
  • ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) : บางชนิดสามารถใช้ได้ในการรักษาโรคติดเชื้อ ซึ่งกลุ่มยาที่ปลอดภัยสำหรับทารกในครรภ์ที่คุณหมอนิยมใช้ เช่น อะม็อกซีซิลลิน แต่เนื่องจากยากลุ่มนี้มีการแพ้ยาสูง จึงใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่ไม่เคยมีประวัติการแพ้ยากลุ่มเพนิซิลลิน นั้นเอง  และทุกครั้งที่เข้าพบแพทย์ไม่ว่าจะแพทย์คนเดิมหรือคนใหม่ ควรจะแจ้งทุกครั้งว่าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ และแจ้งด้วยว่าใช้ยาอะไรอยู่บ้าง

 

  • ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamines) : เป็นกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาอาการภูมิแพ้ต่างๆ เช่น อาการคัดจมูก น้ำตาไหล หรือลงพิษ ผลข้างเคียงคือจะทำให้ง่วงนอน มึนหัว กระวนกระวาย ได้ แม่ๆ ที่ตั้งครรภ์สามารถใช้ได้แต่ไม่ปลอดภัยทุกชนิดเสมอไป ตัวที่แพทย์นิยมใช้คือ ไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine) ลาราตาดีน (Loratadine)
  • ยาแก้ไอที่มีส่วนผสมของเด็กซ์โตรเมทโทแฟน (Dextromethorphan) : รวมถึงยายับเสมหะต่างๆ สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัย
  • ยาระบายชนิดไฟเบอร์ (Fiber Laxatives) : เป็นยาที่บรรเทาอาการท้องผูก โดยทำให้อุจจาระอ่อนลง หรือกระตุ้นการบีบตัวของลำใส้ ผลข้างเคียงคืออาจจะทำให้ท้องอืด หรือรู้สึกเหมือนมีลมในท้อง และปวดท้องได้นั้นเอง

 

  • ยาขับลม : ใช้บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรืออาหารไม่ย่อย สามารถใช้ได้เป็นครั้งเป็นคราว เช่น แอร์เอ็กซ์ (Air-X) เป็นต้น
  • ยาพ่นจมูกที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (Steroids) : ใช้สำหรับลดอาการคัดจมูก และใช้รักษาโรคจมูกอักเสบ ภูมิแพ้ หากคุณแม่ๆ ที่ตั้งครรภ์ต้องการเลือกใช้ยานี้ ควรเลือก Budesonid ซึ่งยาตัวนี้มีผลข้างเคียงน้อยมาก และค่อนข้างปลอดภัยถ้าใช้อย่างเหมาะสมค่ะ
  • ยาที่ใช้สำหรับโรคประจำตัว : ยาที่ใช้สำหรับโรคของแต่ละคน เช่น โรคหอบหืด หรือเบาหวาน โดยรวมสามารถใช้ได้ในช่วงตั้งครรภ์ แต่อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง จะปลอดภัยที่สุดค่ะ

 

  • วิตามิน : วิตามินสำหรับคุณแม่ๆ ที่ตั้งครรภ์ประกอบไปด้วย วิตามินและแร่ธาตุหลายชนิด โดยมีกรดโฟลิก ธาตุเหล็ก ไอโอดีน และแคลเซียม เหล่านี้คือวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญเป็นพิเศษสำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้นเอง แต่ก็มีวิตามินบางชนิดที่ทำให้มีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ ถ้าเป็นเช่นนี้ควรปรึกษาแพทย์ให้พิจารณาวิตามินชนิดอื่นๆ แทนนะคะ
  • ยาครีมสำหรับผื่นผิวหนัง : ยาทาผื่นภูมิแพ้ หรือยาทาที่มีส่วนของสเตียรอยด์ สามารถใช้ทาได้เป็นครั้งคราว และใช้ในปริมาณที่น้อยนะคะ
  • วิค วาโปรับ (Vicks Vaporub) : ช่วยให้คุณแม่ๆ หายใจได้คล่องขึ้น ทาบริเวณหน้าอกและลำคอ ช่วยลดอาการคัดจมูกได้ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บกล้ามเนื้อได้อีกด้วย เมื่อทาตรงบริเวณที่ช้ำ
  • ยาเหน็บสำหรับริดสีดวง : เป็นยาใช้ภายนอก ประกอบด้วยยาชาช่วยลดอาการปวด และช่วยให้หลอดเลือดหดตัวได้ คุณแม่ๆ ที่ตั้งครรภ์สามารถใช้กลีเซอรีนแบบเหน็บได้ค่ะ หรือหากมีอาการหนัก ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องนั้นเองค่ะ

 

องค์การอาหารและยาได้มีการแบ่งระดับความปลอดภัย ของยาเป็น A B C D และ X เพื่อความปลอดภัยในการใช้ยากับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ มีดังต่อไปนี้

  • ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ A เป็นยาที่ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ ยืนยันว่ามีความปลอดภัย เช่น กลุ่มยาวิตามินต่างๆ
  • ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ B มีการทดลองว่าไม่มีความผิดปกติ แม้ยาบางตัวจะมีรายงานในการทดลองว่ามีความผิดปกติกับตัวอ่อน แต่เมื่อนำมาศึกษาหรือนำมาใช้กับมนุษย์แล้วไม่มีความผิดปกติต่อทารก เช่น ยาเพนิซิลิน ยาแก้หวัด เป็นต้น
  • ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ C มีการศึกษาในสัตว์ทดลองว่ามีผลกระทบต่อลูกสัตว์ในครรภ์แต่ไม่มีข้อมูลการศึกษาในคน คือยังไม่แน่ใจในความปลอดภัย 100 % กลุ่มนี้ต้องระมัดระวังในการใช้ ใช้กับคนที่แพ้ยาปฏิชีวนะจำพวกเพนิซิลิน จึงต้องมาใช้กลุ่มยานี้แทน แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทางแพทย์อย่างใกล้ชิดด้วยนะคะ
  • ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ D มีการศึกษาในคนพบว่า มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์แต่ประโยชน์ที่ได้รับยังเป็นที่ยอมรับได้อยู่ แต่ต้องดูว่าคุณแม่ท่านนั้นจำเป็นต้องใช้ยาจริงๆ หรือไม่ เพราะอาจจะกระทบต่อทารกในครรภ์ได้เช่นกัน
  • ลำดับขั้นของยาต่อการตั้งครรภ์ X เป็นกลุ่มที่ห้ามใช้โดยเด็ดขาด เพราะจะส่งผลกระทบต่อความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง โดยจะสังเกตจากฉลากยาที่ระบุว่า ห้ามสตรีมีครรภ์รรับประทานนั้นเองค่ะ

 

นี้ก็คือข้อมูลที่ทาง Parentsone ได้รวมรวมมาให้กับคุณแม่ๆ ที่กำลังตั้งครรภ์ได้ศึกษากันดู ก่อนที่จะรับประทานยาต่างๆ เข้าไปนั้นเอง หากคุณแม่มีปัญหาทางด้านสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ควรจะพบคุณหมอเพื่อปรึกษาถึงการรักษานะคะ ห้ามซื้อยารับประทานเองเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอันตรายกับเด็กในครรภ์ได้นั้นเองค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : honestdocs ,baby kapook

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



มีบุตรยาก แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อมูลทางแพทย์
วิธีการสอนให้ลูกรับมือกับความผิดหวัง
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save