fbpx

รู้หรือไม่!! ทาแป้งฝุ่นให้ลูกบ่อยๆ ระวังเป็นโรคภูมิแพ้โดยไม่รู้ตัว

Writer : Mneeose
: 15 กุมภาพันธ์ 2564

ยิ่งตัวหอม ยิ่งน่าฟัด คุณพ่อคุณแม่ท่านใดที่ชอบทาแป้งให้ลูกน้อยทั้งตัว โปรดระวัง!! ลูกอาจเป็นโรคภูมิแพ้ได้นะคะ เพราะ “เจ้าแป้งฝุ่น” ตัวดีนั่นแหละคือภัยร้ายใกล้ตัวที่เราคาดไม่ถึง จะจริงหรือไม่? เราไปหาคำตอบกันได้ในบทความนี้กันค่ะ

ส่วนผสมกว่าจะเป็นแป้งเด็ก

ใครบ้างจะรู้ว่าแป้งเด็กทาตัวที่คุณพ่อคุณแม่ชอบทาให้ลูกตัวหอมนั้น มีส่วนผสมจากแร่หินที่ชื่อ ทัลค์ (Talc) หรือจะเรียกว่า “แป้งทัลคัม” (Talcum Powder) ก็ไ ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้น และกลิ่นได้ดี ทำให้ผิวแห้ง แถมเนียนนุ่มน่าสัมผัส

 

อันตรายที่คาดไม่ถึงจากแป้งฝุ่น

แป้งฝุ่น คือ ฝุ่นชนิดหนึ่ง

เเป้งฝุ่น ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกาย เข้าตาก็ระคายตา สูดหายใจเข้าไปก็ระคายระบบทางเดินหายใจ

ถ้าสูดดมมากๆ เสี่ยงเป็น “โรคภูมิแพ้”

เนื่องจาก เมื่อเราสูดดมแป้งฝุ่นเป็นเวลานานๆ จะเกิดการสะสมที่ระบบทางเดินหายใจ และบริเวณปอดทีละเล็กทีละน้อย จนทำให้มีปัญหาเรื่องการหายใจ ไอเรื้อรัง หืดหอบตามมาทีหลัง

และหากคุณแม่ทาแป้งบนตัวลูกเยอะๆ ละอองแป้งก็อาจฟุ้ง จนทำให้ลูกสำลักแป้งฝุ่นเข้าปอด จนกลายเป็นปอดอักเสบ ซึ่งถ้าเป็นรุนแรง มีโอกาสชีวิตได้

เสี่ยงเป็น “โรคมะเร็งปอด”

หากสูดดมเป็นประจำทั้งคุณแม่ หรือลูกน้อย อาจทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ เพราะสารทัลคัมไม่สามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้

เสี่ยงเป็น “โรคมะเร็งรังไข่” หากทาที่จุดซ่อนเร้น

จากการศึกษาของนักวิจัยจากวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ฮาร์วาร์ดในบอสตัน เผยว่า อย่าทาแป้งที่ก้น และบริเวณอวัยวะเพศให้ลูกผู้หญิง เพราะอาจจะเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งรังไข่

แป้งฝุ่น ไม่ได้ช่วยลดความอับชื้นได้จริง

แป้งฝุ่นเป็นตัวดูดซับน้ำ และอมความชื้นไว้ จนจับกันเป็นก้อน ทำให้เมื่อทาไปที่บริเวณขาหนีบ หรือซอกคอลูก ยิ่งเสียดสีและระคายเคืองผิว แถมยังอมความชื้นได้ดี ทำให้เป็นเกิดเชื้อราตามมาอีกด้วย

 

ทาแป้งฝุ่นอย่างไร? ให้ปลอดภัย

ใช้แป้งเด็กที่ผลิตจากสารธรรมชาติเท่านั้น

เช่น แป้งชนิดที่ทำจากข้าวโพด

ทาแป้งในปริมาณที่พอดี

อย่าทาแป้งให้ลูกมากจนเกินไป เพราะเด็กอาจสำลัก หรือสูดแป้งเข้าไปในระบบทางเดินหายใจได้

อย่าทาลงไปที่ตัวเด็กโดยตรง ให้ทาลงที่มือก่อน

เพื่อป้องกันการฟุ้งของละอองแป้งเด็ก และป้องกันการสำลัก

 

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับความรู้ใหม่ที่เรานำมาฝากคุณพ่อคุณแม่ในการเลี้ยงลูกกันในวันนี้? ใครจะไปคิดว่า ภัยร้ายใกล้ตัวเราที่สุดจะมาจากแป้งฝุ่น แถมยังมีอันตรายมากๆ อีกด้วย เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่จะช่วยไม่ให้ลูกหายใจติดขัดเลย ก็คือ เปลี่ยนจากทาแป้งฝุ่น มาทาโลชั่นบำรุงผิวให้เนียนนุ่มแทนน่าจะดีกว่านะคะ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้ได้ด้วยนั่นเอง

ขอบคุณแหล่งอ้างอิง : 

https://bit.ly/37dvzzG
https://bit.ly/3rVkKKy
https://bit.ly/3jRGEMg

Writer Profile : Mneeose

💙💙💙

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



7  วิธี พิชิตการทานยากของเด็ก
ชีวิตครอบครัว
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save