fbpx

10 นิสัยดีๆ ที่แม่ควรปลูกฝังก่อนลูกโตเป็นวัยรุ่น

Writer : giftoun
: 4 มกราคม 2562

ก่อนลูกน้อยจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้านั้น ถ้าคุณแม่ได้ปลูกฝังนิสัยดีๆ ให้ลูกน้อยก่อนโตเป็นวัยรุ่นแล้วคงดีแน่นอน จะมีสิ่งใดที่ควรปลูกฝังให้ลูกน้อยบ้างนั้นมาดูกันเลยค่ะ

ระวังคำพูด

การฝึกให้ลูกระมัดระวังตั้งแต่ลูกยังเล็กได้ดีที่สุดคือการที่คุณแม่เป็นแบบอย่างที่ดีในการพูดการจา เพราะลูกจะเริ่มจดจำและทำตามคุณแม่นั่นเอง อาจเริ่มจากพูดสุภาพ ไม่หยาบคาย ไม่พูดจาทำร้ายความรู้สึกคนอื่น จะทำให้ลูกจำได้ว่าควรพูดและไม่ควรพูดอะไรค่ะ

รัดเข็มขัดนิรภัย

ถึงแม้ว่าลูกอาจจะยังไม่ได้ฝึกขับรถในเร็วๆ นี้ก็ตาม แต่คุณแม่ควรปลูกฝังนิสัยในการรัดเข็มขัดนิรภัย โดยทุกๆ ครั้งที่นั่งในรถยนต์ คุณแม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งให้ลูกเห็น พร้อมทั้งคาดเข็มขัดให้ลูกด้วย แล้วค่อยสตาร์ตเครื่อง พอลูกโตขึ้นและขับรถเองได้ จะติดนิสัยการคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนขับรถออกไป แค่นี้ก็ช่วยลดอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้แล้วล่ะค่ะ

ไม่เล่นโทรศัพท์ในรถ

ในทุกๆ ปีบนท้องถนนมักจะมีอุบัติเหตุที่มีต้นเหตุเกิดจากโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าจะคุยโทรศัพท์หรือเล่นมือถือ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเวลาขับรถ ดังนั้นเมื่อก้าวขาขึ้นรถ คุณแม่จะต้องเก็บมือถือให้ห่างจากตัวเพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก พอลูกเริ่มเห็นจนเป็นความเคยชิน ตอนที่ลูกโตขึ้นก็จะไม่ใช้มือถือขณะขับรถ ลดอันตรายได้ทั้งตัวลูกและคนอื่นๆ อีกด้วยค่ะ

กินข้าวเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา

การนั่งกินข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาเป็นเวลาแห่งความสุขที่จะช่วยสร้างสัมพันธ์ที่ดีให้กับทุกครอบครัว นอกจากนี้ทุกคนในครอบครัวยังได้แบ่งปันเรื่องราวต่างๆ ที่พบเจอในแต่ละวัน แชร์เสียงหัวเราะ และยิ้มไปกับความสุขอีกด้วย ดังนั้น การได้นั่งล้อมวงกินข้าวกันทั้งครอบครัว จึงถือเป็นสิ่งที่ดีที่ให้ลูกใกล้ชิดกับพ่อแม่ไปจนโตเลยล่ะค่ะ

เลือกคบเพื่อน

พอเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ลูกจะเริ่มเข้าสังคมและเปิดกว้างกับกลุ่มเพื่อนใหม่ๆ และมักจะเกิดอาการติดเพื่อน จนไม่อยากกลับบ้าน คุณแม่จึงควรจะรู้จักเพื่อนของลูกไว้บ้าง อย่างน้อยๆ จะได้รู้ว่าลูกใช้เวลาอยู่กับเพื่อนคนไหน ท่าทางเป็นอย่างไร ดูน่าไว้ใจหรือเปล่า ลองสอนในการเลือกคบเพื่อนดูว่าเพื่อนคนไหนจะพาลูกทำสิ่งดีๆ หรือชักนำไปทำกิจกรรมที่เหมาะสมบ้างค่ะ

ใช้โซเชียลมีเดียอย่างรอบคอบ

คุณแม่ควรสอดส่องว่าลูกโพสต์หรือพูดคุยกับใครบ้างในโซเชียลมีเดีย เพราะเด็กรุ่นใหม่เริ่มติดเทคโนโลยี และมักจะใช้โซเชียลมีเดียบ่อยๆ แต่ไม่จำเป็นต้องติดตามทุกโพสต์ ปลอมโปรไฟล์เพื่อสืบเสาะ หรือทำอะไรที่มากเกินไป แค่สำรวจดูว่าลูกไลค์ คอมเมนต์ หรือโพสต์ ในสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อตัวลูกเองหรือเปล่า ที่สำคัญต้องคอยสอนเรื่องความปลอดภัยในการเล่นโซเชียลมีเดีย และเตือนภัยถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้ลูกได้ระวังตัวค่ะ

รู้จักตัวเองว่าชอบอะไรและไม่ชอบอะไร

พอลูกโตขึ้นจะจับทางตัวเองได้ว่า ชอบสิ่งใดหรือไม่ชอบอะไร มีความสนใจหรือหลงใหลในกิจกรรมอะไรเป็นพิเศษ สิ่งที่คุณแม่ควรทำคือ ใส่ใจในทุกเรื่องที่ลูกให้ความสำคัญ และแสดงออกว่าเข้าอกเข้าใจในเรื่องที่ลูกแคร์ เพื่อจะได้มีเรื่องไปคุยกับลูก นอกจากนี้ ถ้าลูกเริ่มอยากทำกิจกรรม เล่นดนตรีหรือเล่นกีฬา ก็ควรสนับสนุน ไม่ก็ร่วมทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วยเลย เพื่อแสดงออกว่าใส่ใจในทุกเรื่องที่ลูกสนใจค่ะ

สอนให้รู้จักการวางแผน

ก่อนลูกจะโตเป็นวัยรุ่นที่มีทางเดินชีวิตของตัวเอง การฝึกให้ลูกวางแผนชีวิตจึงสำคัยมาก ระหว่างนี้คุณแม่ลองหากิจกรรมทำร่วมไปกับลูก เป็นกิจกรรมสนุกๆ หรือกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ เพื่อสร้างสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวค่ะ

สอนให้รับมือกับความผิดหวังได้

ในวันที่ลูกเติบโตเป็นวัยรุ่น ลูกอาจจะพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่าง ทั้งทางร่างกายและทางอารมณ์ หากผิดพลาดล้มลงหรือแพ้ในบางอย่าง บางครั้งก็ยากที่จะรับมือไหว คุณแม่จึงต้องอบรมและสั่งสอนลูกเรื่องความผิดพลาดว่าสามารถเกิดขึ้นได้ แต่ลูกก็ต้องผ่านพ้นมันไปให้ได้ แล้วลูกจะแข็งแกร่งขึ้นหลังจากที่พ่ายแพ้ เพราะคนเราไม่จำเป็นต้องชนะทุกอย่าง แต่การเรียนรู้ที่จะเติบโตผ่านประสบการณ์ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่าค่ะ

นอนเป็นเวลา

การฝึกให้ลูกนอนเป็นเวลาตั้งแต่ยังเล็กจะส่งผลให้ตารางชีวิตลูกในการทำกิจกรรมต่างๆ นั้นลงตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การออกกำลังกาย ไปทำบุญ หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่อาศัยการตื่นเช้าเพื่อความสดชื่นและตรงต่อเวลานี่เองค่ะ

การปลูกฝังนิสัยที่ดีให้กับลูกตั้งแต่ยังเล็กถือเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนลูกจะโตเป็นวัยรุ่นในวันข้างหน้าได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ

ที่มา – thairath

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
23 มกราคม 2562
รวมกิจกรรมช่วงปิดเทอมสำหรับลูก
กิจกรรมของครอบครัว
เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
10 มิถุนายน 2562
วิธีพาลูกขึ้นขนส่งสาธารณะครั้งแรก
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
เด็กวัยเข้าโรงเรียน เด็กวัยเข้าโรงเรียน
3 มกราคม 2561
เริ่มให้ลูกฝึกปั่นจักรยานตอนไหนดี?
กิจกรรมของครอบครัว
ทำอย่างไรเมื่อลูกรัก “ติดจอ”
ชีวิตครอบครัว
How to รับมือปัญหาลูกเเสดงออกไม่เหมาะสม
เด็กวัยเข้าโรงเรียน
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save