fbpx

ปัญหาไม่เล็กของลูกน้อยที่ชอบนอนกัดฟัน!

Writer : Jicko
: 10 พฤศจิกายน 2564

คุณพ่อคุณแม่เคยไหมคะ ที่นอนๆ อยู่ก็ได้ยินเสียงเจ้าตัวน้อยนอนกัดฟันเสียงดังซะจนบางครั้งเราเอง ก็แอบสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกได้เลย หากบ้านไหนที่ลูกน้อยมีอาการนอนกัดฟันแบบนี้ เชื่อเลยว่าคุณพ่อคุณแม่ก็แอบมีความกังวลใจอยู่ เพราะการกัดฟันแบบนี้นอกจากเสียสุขภาพฟันแล้ว อาจส่งผลกระทบต่อด้านอื่นๆ ตามมาได้เช่นกันค่ะ บอกเลยว่าปล่อยไว้แบบนี้อันตรายกับลูกน้อยมากๆ เลยนะคะ

ทำไมเด็กๆ ถึงนอนกัดฟัน ?

ปัจจุบันทันตแพทย์ก็คงไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดถึงสาเหตุที่เด็กมักนอนกัดฟัน แต่สามารถประเมินได้จากปัจจัยเหล่านี้ ได้แก่

  • สภาพจิตใจ : เด็กอาจกังวล เครียด กับอะไรบางอย่าง
  • พันธุกรรม : พ่อแม่บ้านไหนที่ชอบนอนกัดฟันอยู่แล้ว เด็กๆ ก็จะมีโอกาสนอนกัดฟันเช่นกันค่ะ
  • ระบบสมองและประสาทอัตโนมัติ อาจถูกกระตุ้นมากเกินไป
  • ฟันมีปัญหา : เช่น ฟันแท้กำลังขึ้น การสบฟันที่ผิดปกติ

โรคและพฤติกรรมอื่นๆ ร่วมขณะนอนกัดฟัน

  • ฉี่รดที่นอน
  • ละเมอพูด หรือเดินละเมอ
  • นอนกรน
  • หยุดหายใจขณะหลับได้
  • อาจเป็นสมาธิสั้นได้

ผลเสียของการนอนกัดฟัน

  • เสียวฟันบ่อยๆ
  • ฟันบิ่น ฟันร้าว ฟันแตก
  • เกิดแผลในช่องปาก เพราะอาจมีการกัดลิ้น กัดแก้ม ตัวเอง
  • ปวดข้อต่อขากรรไกร
  • เมื่อยเวลาเคี้ยวอาหาร
  • ปวดศีรษะบ่อยๆ
  • อันตรายที่โครงสร้างฟันทะลุถึงโพรงประสาทฟันได้

ป้องกันอย่างไรได้บ้าง

  1. ให้ทันตแพทย์คนเก่งตรวจวินิจฉัย หรือหาเฝือกมาใส่ฟันขณะนอน หรือที่เรียกว่า “เฝือกสบฟัน”
  2. เด็กบางคนนอนกัดฟันแบบไม่มีเสียง พ่อแม่จึงต้องให้ความใส่ใจและสังเกตลูกระหว่างนอนหลับเสมอ

วิธีนอนที่เหมาะสมหากเด็กๆ ชอบนอนกัดฟัน

  • จัดห้องนอนให้ลูกนอนอย่างสบาย
  • ไม่ทานอาหารหนักก่อนนอน 3 ชั่วโมง
  • ไม่ทำกิจกรรมหักโหมก่อนเข้านอน เพราะทำให้เด็กนอนไม่หลับ กระตุ้นให้เกิดอาการนอนกัดฟันได้
  • มาพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและรับการดูแลฟันอย่างสม่ำเสมอ
  • เด็กอายุ 6 ปีขึ้นไป หากมีอาการควรใส่เฝือกฟันเวลานอน

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : samitivejhospitals

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
26 พฤศจิกายน 2561
มีบุตรยาก แก้ไขอย่างไรได้บ้าง
ข้อมูลทางแพทย์
วิธีการสอนให้ลูกรับมือกับความผิดหวัง
เตรียมตัวเป็นแม่
นวด นวด นวด มานวดลูกน้อยกันเถิด
เด็กวัยแรกเกิด
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save