fbpx

อย่าทำแบบนี้เลย !! ถ้าอยากให้ลูกในท้องอารมณ์ดี

Writer : giftoun
: 4 สิงหาคม 2560

เชื่อได้เลยว่าคุณแม่หลายคนอยากให้ลูกน้อยคลอดออกมาอารมณ์ดี น่ารัก เลี้ยงง่าย แล้วยิ่งมีสุขภาพดีแล้วก็ยิ่งเสริมให้ลูกน้อยดีเข้าไปใหญ่ แต่รู้หรือไม่ว่ากว่าจะคลอดลูกออกมาให้เป็นเด็กน่ารักนั้น คุณแม่ก็มีส่วนช่วยให้เป็นอย่างนั้นได้เช่นกัน ถ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่ควรทำการใดต่อไปนี้

หงุดหงิด โมโหง่าย

เพราะคุณแม่ที่มีอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความเครียดที่เรียกว่า อะดรีนาลิน (adrenalin) ออกมาผ่านไปยังลูก จะทำให้ลูกคลอดออกมาเด็กงอแง เลี้ยงยาก พัฒนาการช้า ในทางกลับกัน คุณแม่ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอจะทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน (endorphin) ออกมาผ่านไปทางสายสะดือไปยังลูกทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ)

นอนดึก

มีงานวิจัยพบว่า คุณแม่ที่นอนน้อยกว่าวันละ 5 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในระหว่างท้องได้ทั้งคุณแม่และคุณลูกเลย ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรนอนดึก และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง

ไม่พูดคุยกับลูกในท้อง

หลาย ๆ คนอาจสงสัยว่าคุยกับลูกตั้งแต่อยู่ท้องจะรู้เรื่องหรือ แต่การพูดคุยกับลูกนั้นจะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้คุณแม่ควรพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเป็นประโยคซ้ำ ๆ เพื่อให้ลูกคุ้นเคย อย่าไปพูดคุยเรื่องที่ทุกข์ใจให้ลูกฟัง เดี๋ยวลูกจะเครียดตาม

กินยานอกจากที่หมอสั่ง

ไม่ว่าคุณแม่จะเจ็บไข้ได้ป่วยยังไง ก็ควรปรึกษาหมอ บอกหมอด้วยว่ากำลังท้องอยู่ และกินยาตามที่หมอสั่งเท่านั้น เพราะยาสามัญประจำบ้านหลายชนิดก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ คุณแม่จึงควรใช้ยาเท่าที่จำเป็นจริง ๆ และควรปรึกษาหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง

ลดน้ำหนัก อดอาหาร

ยิ่งคุณแม่เลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอ จะทำให้ลูกที่อยู่ในท้องนั้นได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพดีตามไปด้วย เป็นการช่วยบำรุงสมองภายในตัว แต่ถ้าคุณแม่ตั้งใจลดน้ำหนักและอดอาหาร จะทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและพิการได้

ทาเล็บ

โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของการท้องเพราะเป็นช่วงที่ลูกกำลังสร้างอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ถ้ามีสารเคมีจากภายนอกอย่างเช่นน้ำยาทาเล็บเข้ามารบกวน จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้ ยังไงช่วงท้องงดทาเล็บไปก่อน ไว้ทาตอนหลังคลอดก็ยังไม่สาย

สูบบุหรี่

เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรเลี่ยงเป็นอันขาด(ที่จริงก็ควรเลี่ยงตลอดไปก็จะดีต่อสุขภาพคุณแม่เองด้วย) เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้ลูกมีอาการสมาธิสั้น แล้วมีโอกาสแท้งและคลอดก่อนกำหนด ลูกออกมาตัวเล็ก น้ำหนักน้อย หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรืออาจทำให้พิการขั้นรุนแรงก็เป็นได้ ดังนั้นเลิกสูบบุหรี่ดีที่สุด

นี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อห้ามที่คุณแม่ไม่ควรทำ อย่างไรก็ตามควรดูแลตัวเองในทุก ๆ ด้าน ทั้งอาหารการกิน การพักผ่อนและดูแลสภาพจิตใจ ที่สำคัญควรฝากท้องไว้กับคุณหมอ คุณหมอจะได้ช่วยดูแลอีกคนนึง จะได้เป็นคุณแม่ที่คลอดลูกออกมาดีที่สุด

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



เตรียมตัวเป็นแม่ เตรียมตัวเป็นแม่
7 กุมภาพันธ์ 2561
น้ำนมไม่ไหลทำอย่างไรดี ?
เตรียมตัวเป็นแม่
12 ข้อดีจากการให้นมแม่
เตรียมตัวเป็นแม่
ท้องตอนอายุ 35 มีปัญหาหรือไม่ ?
เตรียมตัวเป็นแม่
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save