fbpx

"แม่จ๋าหนูกลัว" เด็กแต่ละช่วงวัย กลัวอะไรมากสุด

Writer : Jicko
: 7 ตุลาคม 2564

ความรู้สึก “กลัว” ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็มีความกลัวกันทั้งนั้น ยิ่งเติบโตขึ้นความกลัวของพวกเขาในแต่ละวันก็ย่อมแตกต่างกัน เนื่องจากสิ่งที่พบเจอนั้นไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่ายิ่งโตก็ยิ่งเจอสิ่งรอบตัวต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคยมากขึ้น ทำให้เด็กๆ บางคนรู้สึกเครียดและกังวลหากต้องเจอกับสิ่งที่กลัวกันบ่อยๆ วันนี้เราเลยจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปรู้จักกับความกลัวของเด็กๆ ในแต่ละช่วงวัยกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง เผื่อเป็นแนวทางการแก้ไขและพาเจ้าตัวเล็กให้ผ่านพ้นความกลัวนี้ไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ

อายุ 2 – 4 ปี

  • กลัวความมืด
  • กลัวตู้เสื้อผ้า
  • กลัวการนอนคนเดียว
  • กลัวเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า
  • กลัวเงา
  • กลัวเสียงที่ดัง

อายุ 5 – 7 ปี

  • กลัวความมืด
  • กลัวคุณหมอ
  • กลัวเสียงที่ทำให้ตกใจ
  • กลัวแมลง และสัตว์
  • กลัวเพื่อนไม่รัก

อายุ 8 – 11 ปี

  • กลัวผี
  • กลัวเสียคนที่รักไป
  • กลัวเรียนไม่ผ่าน
  • กลัวคนลักพาตัว
  • กลัวทำให้ที่บ้านผิดหวัง

อายุ 12 – 18 ปี

  • กลัวความปลอดภัยของตัวเอง
  • กลัวการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
  • กลัวความตาย
  • กลัวเรื่องอนาคต
  • กลัวเรื่องรูปลักษณ์ตัวเอง
  • กลัวความรุนแรง

พ่อแม่ต้องทำอย่างไร

  1. พยายามเข้าใจความกลัวของลูก ไม่ดุด่าหรือผลักไสลูกให้ไปเผชิญความกลัวเพียงลำพัง
  2. เดินเป็นเพื่อนลูกไปในที่ที่เขากลัว โดยไม่บังคับให้ลูกทำ
  3. ใช้เหตุผลพูดคุยและอธิบายแบบไม่พูดโกหก เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าถึงความกลัวให้ฟัง
  4. หาหนังสือนิทานเกี่ยวกับการเผชิญกับความกลัวให้ลูกได้ลองหยิบอ่าน
  5. ไม่ให้ลูกดูอะไรที่น่ากลัว ยิ่งเด็กเล็กๆ ยิ่งจะแยกแยะความจริงกับเรื่องสมมติยังไม่ได้
  6. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกดู ถ้าอะไรปลอดภัยสำหรับพ่อแม่ สิ่งนั้นก็จะปลอดภัยสำหรับเขาด้วย

 

อ้างอิงจาก : upbility , คุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

 

Writer Profile : Jicko

  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save