fbpx

วิธีเลือกผักให้เหมาะกับลูก เเละการทำความสะอาดสารพิษตกค้าง

Writer : Mookky TCN
: 6 กุมภาพันธ์ 2561

ผักมีประโยชน์กับเด็กมากๆ เพราะมีสารอาหารที่จำเป็น เเละยังมีกากใยอาหาร เเต่สำหรับเด็กไม่ได้หมายความว่าจะทานผักได้ทุกชนิดเสมอไป มาดูกันค่ะว่าผักชนิดไหนที่เหมาะกับลูกของเรา เเละจะดีต่อสุขภาพของเด็กๆ ในด้านไหนมั่ง

::รู้จักรสชาติผัก::

การเลือกผักสำหรับให้ลูกทานเริ่มเเรกควรดูที่รสชาติของตัวผักก่อนว่าเป็นรสอะไร

ผักรสหวาน

ฟักทอง แครอต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บวบ แตงกวา ฟักเขียว บรอกโคลี ข้าวโพดอ่อน ถั่วแขก

ผักรสขม

มะระ ตำลึง คะน้า กวางตุ้ง ผักโขม ใบยอ

ผักรสฝาด

มะเขือเปราะ มะเขือยาว ผักบุ้ง

ผักรสเปรี้ยว

มะเขือเทศ ผักติ้ว ใบกระเจี๊ยบ

ผักรสเผ็ด

และกลิ่นฉุน ต้นหอม ขิงอ่อน หัวหอม ต้นกระเทียม ต้นกุยช่าย ดอกกุยช่าย กะเพรา โหระพา

เลือกแบบไหนดี?

  • สำหรับเด็กๆ ที่ยังอายุไม่ถึง 1 ปี ควรเลือกผักที่มีรสหวานเเละขมบ้างนิดหน่อยให้ลูกทาน
  • ส่วนถ้าเด็กๆ คนไหนอายุเกิน 1 ปีขึ้นไปเเล้ว ก็สามารถเลือกในแบบที่เป็นรสเผ็ด รสเปรี้ยว ให้ทานได้

ข้อควรระวัง

  • สำหรับเด็กอายุ 9 เดือน ถึง 1 ปีขึ้นไป ที่คุณพ่อคุณเเม่ไม่ควรให้ลูกทานพวกกะหล่ำดอก กะหล่ำปลี ผักปรเภทนี้ควรให้เมื่อเด็กอายุ 9 เดือน ถึง 1 ขวบขึ้นไป เพราะอาจทำให้เกิดแก๊ซเเละมีอาการท้องอืด เสียดท้องได้
  • ผักประเภทหัวและราก เช่น หัวไช้เท้า หอมใหญ่ แครอท ถั่วงอก บวบ ควรเริ่มให้เด็กทานเมื่อเด็อายุ 3-4 ขวบ เพราะตอนนั้นเด็กๆ จะค่อนข้างคุ้นเคยกับผักเป็นอย่างดีเเล้ว

 

วิธีล้างผัก

การล้างผักให้สะอาดก่อนรับประทานก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญมากๆ เพราะเราไม่รู้เลยว่าจะมีสารพิษตกค้างในผักอยู่มากเเค่ไหน ซึ่งวิธีล้างผักก็ทำได้หลากหลายแบบ

  • ล้างด้วยเบกกิ้งโซดา

ใช้เบกกิ้งโซดา(โซเดียมไบคาร์บอเนต) ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำอุ่น 20 ลิตร  น้ำมาเเช่ผักทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด ก็เป็นวิธีที่ช่วยลดปริมาณสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผักได้เยอะมาก

  • ล้างด้วยน้ำส้มสายชู

การล้างผักด้วยน้ำส้มสายชูลดสารพิษที่ตกค้างไปได้เยอะ เพียงเเค่เอามาผสมกับน้ำในอัตราส่วน 1:10 เเล้วแช่ผักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที สุดท้ายก็ล้างซ้ำอีกรอบด้วยน้ำสะอาด

  • ล้างผักผลไม้แบบให้น้ำไหลผ่าน

นำผักที่เด็ดเตรียมไว้เป็นใบๆ มาใส่ตะกร้าที่มีรอยห่าง จากนั้นเปิดน้ำให้เเรงจนไหลผ่านผักประมาณ 2 นาที

ขอบคุณ-

Yahoo

Kapook

sanook

 

Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save