fbpx

เมื่อลูกสายตายาว!! จนต้องใส่แว่นตั้งแต่ยังเด็ก

Writer : Mookky TCN
: 20 มีนาคม 2561
ลูกสาววัยไม่ถึงสองขวบดีของแม่ ต้องกลายเป็นเด็กแว่น ใส่แว่นเสมือนอวัยวะที่ 33 ของร่างกาย นับเป็นภาระในชีวิตของหนูน้อยวัยสองขวบที่ต้องเจอ เมื่อก่อนหนูเคยแต่ชี้แว่นคุณปู่คุณย่า แล้วพูดว่า คุณย่าใส่แว่น คุณปู่ใส่แว่น แต่หนูคงไม่รู้ตัวว่า หนูก็กำลังจะมีแว่นเป็นของตัวเอง เป็นเรื่องจริงที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับลูกแม่ เลยอยากแชร์เรื่องราวนี้ไว้ให้แม่ๆ คนอื่นได้ระวัง เเละหมั่นสังเกตุลูกๆ ของตัวเองไว้

ทราบได้อย่างไรว่าน้องมีปัญหาสายตา

น้องเป็นเด็กตาโตมาก ตั้งแต่น้องเป็นเบบี้ เริ่มนั่งได้ น้องจะชอบมองแบบก้มหน้าจิกตา ลักษณะคล้ายๆมองค้อนเสมอ จนโดนแซวตลอดจากคนที่พบเห็น และได้รับฉายาว่า “น้องปลาทู” เพราะชอบทำหน้างอเหมือนปลาทูแม่กลอง เเละไม่เคยมองใครแบบหน้าตรงๆ ชอบมองเหมือนจะเอียงหน้ามองตลอดเวลา พอน้องอายุได้ประมาณขวบห้าเดือน แม่ก็จะเริ่มมองเห็นว่าในบางขณะที่น้องโฟกัสจ้องมองสิ่งใด ตาดำของน้องเริ่มเฉๆ มาทางหัวตา เหมือนกับว่าน้องแกล้งมองปลายจมูกตัวเอง แต่ไม่ได้เป็นบ่อยๆ ซึ่งพักหลังแม่ก็เริ่มเห็นน้องเป็นแบบนี้บ่อยขึ้นๆ
จนเริ่มกังวลใจและคืดว่าจะต้องพาน้องไปตรวจกับจักษุแพทย์เด็กโดยตรง แม่เริ่มหาข้อมูลโรงพยาบาล และสืบหาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง จนพบว่า ควรพาลูกไปตรวจกับอาจารย์หมอปกป้อง ปราณีประชาชนจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคในตาเด็กโดยเฉพาะที่ โรงพยาบาลรัตนินจักษุ ซึ่งแม่ต้องรอคิวนัดพบคุณหมอถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียว เมื่อถึงวันนัดหมายที่โรงพยาบาลก็เต็มไปด้วยเด็กๆ ที่มีปัญหาด้านสายตามมากมาย โดยส่วนตัวแล้วแม่ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กจะมีปัญหาสายตากันเยอะขนาดนี้ ตอนนนั้นรอคิวตรวจอยู่หลายชั่วโมง จนเมื่อได้พบคุณหมอก็มีการซักประวัติ สอบถามอาการน้อง รวมถึงการตรวจซึ่งอาศัยความเชี่ยวชาญของคุณหมอ ผลสรุปออกมาว่าน้องมีอาการ  “สายตายาว”

สาเหตุ และวิธีการรักษา

สาเหตุเดียวที่จะเป็นได้คือ กรรมพันธุ์ ซึ่งคุณหมอบอกว่าไม่จำเป็นต้องมาจากพ่อแม่เท่านั้น อาจได้รับมาจากบรรพบุรุษก็ได้ เพราะพ่อกับแม่ไม่มีใครเป็นโรคนี้มาก่อน โดยคุณหมอบอกว่าน้องมีอาการสายตายาวแต่กำเนิด เเละเด็กสายตายาวอาจมองเห็นอะไรในระยะใกล้ไม่ชัด เค้าจึงต้องเอียงคอมอง เพื่อเป็นการปรับโฟกัสสายตานั่นเอง นานวันเมื่อสายตาถูกใช้งานผิดลักษณะมากๆ เลนส์ตาที่เราเห็นเป็นตาดำ ซึ่งของเด็กจะเป็นของเหลวเลย ยังไม่แข็งตัว ก็จะไหลไปมาได้ ทำให้แม่เริ่มเห็นว่า น้องมีอาการตาดำไหลไปมา แต่จะเป็นเฉพาะเวลาที่ต้องการโฟกัสอะไรเท่านั้น แม่จึงเห็นว่าไม่เป็นตลอดเวลา เเละต้องสังเกตุดีๆ ถึงจะเห็น
คุณหมอบอกอีกว่าในเคสของน้องยังสามารถรักษาได้ด้วยการใส่แว่นเพื่อปรับโฟกัสสายตา เพื่อช่วยน้องให้มองเห็นชัด จนเมื่อมองเห็นชัดดีก็ไม่ต้องเอียงคอมอง เเละอาการสายตายาวจะค่อยๆ ดีขึ้นเองจนหายเป็นปกติได้แต่ต้องใช้ระยะเวลา ซึ่งคุณหมอก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการตอบสนองของน้องกับแว่นตา สิ่งที่คุณหมอและแม่กังวล คือ น้องยังเด็กมาก และต้องมาใส่แว่นตลอดเวลา อาจทำให้น้องไม่ยอมใส่โดยดีเพราะรำคาญ ซึ่งถ้าไม่ยอมใส่การรักษาก็จะไม่ได้ผล และอาการน้องอาจจะหนักมากขึ้น

ผลการรักษา หลังจากพบคุณหมอครั้งแรก

คุณหมอสั่งให้น้องตัดแว่นสายตายาวจากค่าสายตาที่ให้มา ซึ่งน้องเป็นคนเลือกกรอบแว่นเอง และยอมใส่ทันทีที่แม่ใส่ให้โดยไม่มีอาการขัดขืน และไม่พยายามถอดออกแบบที่กังวลกัน เเต่น้องกลับดูมีความสุขมากเมื่อได้ใส่แว่น แม่เชื่อว่าเป็นเพราะโลกของลูกสดใสขึ้น ชัดขึ้น เเละลูกไม่ต้องเอียงคอมองใครๆ อีกแล้วค่ะ ส่วนในเรื่องการปฎิบัติตัวคุณแม่ต้องคอยพูดบอกว่า เพราะอะไรน้องต้องใส่แว่น และต้องทำอย่างไรจึงจะหายเป็นปกติได้ รวมถึงสอนพี่ชายให้ช่วยดูแลให้น้องใส่แว่นตลอดเวลา ยกเว้นเวลานอนและอาบน้ำเท่านั้น จนถึงตอนนี้เดือนกว่าแล้วที่น้องใส่แว่นมา น้องดูเหมือนมีความชินกับแว่น และรู้สึกว่าแว่นคือสิ่งที่เค้าต้องคอยตามหาเมื่อถอดไว้

ฝากถึงแม่ๆ ที่เลี้ยงลูกทุกคน

อยากให้คุณแม่หมั่นสังเกตลูกในทุกๆ เรื่อง เพราะบางเรื่องเราก็คาดไม่ถึง ไม่คาดคิด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีโรคแบบนี้ได้ด้วย การหาข้อมูล การอ่าน การเฝ้าระวัง น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับแม่ๆ ยุคนี้ แต่สำหรับแม่ๆท่านไหนที่พบปัญหาแล้วไม่ว่าโรคใดๆ ก็ตาม ก็ควรมีสติ และหาทางรักษาให้ดีที่สุด พร้อมเชื่อมั่นว่าลูกเราต้องหายแน่นอน คุณเเม่ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆ บ้านนะคะ 😀
ติดตามความน่ารักของน้องคูณได้ที่
IG: koon_akira
Writer Profile : Mookky TCN

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ข้อมูลทางแพทย์ ข้อมูลทางแพทย์
27 กรกฏาคม 2560
เด็กสมองไว พ่อแม่สร้างได้
ข้อมูลทางแพทย์
CAR SEAT กับเด็กแต่ละช่วงอายุ
ข้อมูลทางแพทย์
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save