fbpx

7 อาการผิดปกติของเด็กที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าเจอรีบเช็คลูกด่วน

Writer : giftoun
: 7 พฤษภาคม 2562

อาการบางอย่างที่เกิดกับลูกน้อยถือได้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่คุณแม่นั้นไม่ควรที่จะมองข้ามเลย จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ

ดูซึมกว่าปกติ

จากที่เคยสนุกสนาน ซุกซน ชอบวิ่งเล่น ก็เริ่มมีอาการซึม เครียด และไม่ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน อาการแบบนี้ไม่ควรนิ่งนอนใจเลยนะคะ ยิ่งในเด็กเล็กแล้ว การบอกเรื่องความไม่สบายตัวออกมาให้รับรู้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ทางที่ดีควรรีบพาไปพบแพทย์เพราะบางทีอาจมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับลูกได้ค่ะ

มีไข้สูง/ไข้นานติดต่อกัน 3 วันขึ้นไป

หากลูกเริ่มมีไข้สูงเกินกว่าอุณหภูมิปกติ หรือมีไข้ติดต่อกันนานเกิน 3 วัน คุณแม่ควรรีบพาไปหาหมอเพราะอาจเป็นอาการของโรคบางอย่าง อย่าคิดว่าเป็นไข้เดี๋ยวก็หายเองได้ค่ะ

ปวดหัว เจ็บคอ มีผื่นขึ้นตอนเป็นไข้

หากลูกมีอาการอื่นในตอนที่มีไข้ เช่น ปวดหัว เจ็บคอ มีผื่นขึ้นตามตัวมีอาการบวมแดง หายใจไม่ออกหรือมีตุ่มขึ้นตามตัว คุณแม่ควรรีบพาลูกกไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการและทำการรักษาต่อไปนะคะ

ปวดท้องกะทันหัน

อาการปวดท้องกะทันหันของลูกน้อยอาจเกิดจากหลายสาเหตุ หากมีอาเจียนร่วมด้วยอาจเกิดจากกระเพาะอาหารอักเสบก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าจะปวดแบบไหน คุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยเร็วค่ะ

ปากแห้ง อาเจียน ท้องเสีย

เมื่อลูกเริ่มมีอาการปากแห้ง อาเจียน ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียมาก อาจเกิดจากอาการขาดน้ำ หรือโรคร้ายแรงบางอย่างได้ เมื่อพบอาการแบบนี้คุณแม่อย่ามองข้ามควรรีบนำเด็กไปพบแพทย์ในทันทีค่ะ

น้ำมูกไหล เบื่ออาหาร

การที่ลูกนั้นมีน้ำมูกไหลออกมาพร้อมมีอาการเบื่ออาหารนั้น อาจจะเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ก็เป็นได้ คุณแม่สามารถสังเกตอาการที่แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาได้จากที่ลูกอ่อนเพลีย ไอถี่หนัก มีไข้ มีน้ำมูก กระสับกระส่าย เบื่ออาหาร เบื้องต้นสามารถรักษาที่บ้านด้วยให้ยาลดไข้ทุก 6 ชั่วโมง ให้พักผ่อนเยอะๆ แต่ถ้าไอมาก ไข้ไม่ลด และมีอาการหอบร่วมด้วย ให้พามาพบแพทย์ และให้ลูกฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะเด็กอายุ 6 เดือน – 5 ปี ที่เสี่ยงต่อการเป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรงค่ะ

ผิวซีดกว่าปกติ

ถ้าลูกผิวซีดกว่าปกติ อาจจะเป็นโรคซีด หรือโรคโลหิตจางเป็นภัยเงียบที่อันตราย เพราะมีผลต่อพัฒนาการของลูกอย่างมาก ทั้งเติบโตช้า และมีไอคิวเฉลี่ยต่ำกว่าเด็กที่ไม่เป็น ฉะนั้นคุณแม่อย่านิ่งนอนใจ คอยเช็กอาการผิดปกติของลูกน้อย สังเกตผิวเปลือกตา และริมฝีปากว่าเริ่มจะซีด ไม่มีเลือดฝาดหรือเปล่า เป็นลม หน้ามืดง่ายมั้ย ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อให้ตรวจอย่างละเอียดค่ะ

อย่าลืมหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกอย่างสม่ำเสมอ การสังเกตอาการของลูกจะทำให้เราเห็นความผิดปกติชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถพาไปพบแพทย์ได้อย่างทันท่วงทีค่ะ

ที่มา

Writer Profile : giftoun


  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save