fbpx

ชวนลูกกินเจ สะสมแต้มบุญพร้อมสุขภาพที่แข็งแรง

Writer : blahblahboong
: 8 ตุลาคม 2561

ตอนนี้ก็เริ่มเข้าสู่บรรยากาศของเทศกาลกินเจแล้วนะคะ การกินเจเป็นการถือศีลงดเว้นการกินเนื้อสัตว์ทั้งหลาย ทำให้ร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังทำให้จิตใจของคนที่กินเจนั้นมีความสงบสุข มีความเมตตาต่อเหล่าสัตว์ทั้งหลาย

การกินเจ ให้ประโยชน์ขนาดนี้แต่เอ๊ะ เจ้าตัวเล็กของเราจะกินได้ไหมนะ เรามาดูกันนะคะ

กินเจ คืออะไร

เป็นการถือศีลแบบจีน โดยละเว้นการกินของสดคาว ซึ่งจะบริโภคได้เฉพาะอาหารประเภทผัก ไม่มีมีเนื้อสัตว์ปะปน และไม่ปรุงด้วยผักที่มีกลิ่นฉุนอย่าง กระเทียม หัวหอม หลักเกีนว กุยช่าย ใบยาสูบ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์เช่น นมสด ไข่ไก่ โยเกิร์ต

เทศกาลกินเจ ปี 2561

ระหว่าง 9 – 17 ตุลาคม 2561 ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดีของเทศกาลกินเจปีนี้ ซึ่งถ้านับรวมแล้วก็เท่ากับว่าเรามีเวลากินเจ 10 วันเท่านั้นเอง แต่บางคนจะมีกินล่วงหน้าในมือเย็นของวันที่ 8 ตุลาคม หรือที่เรียกกันว่า “การล้างท้อง”

การปฎิบัติตัวในช่วงกินเจ

  1. งดเว้นเนื้อสัตว์ และห้ามทำร้ายสัตว์ทุกชนิด
  2. งดไข่ นม เนย และน้ำมันที่มาจากสัตว์
  3. งดผัก เครื่องเทศที่มีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หัวหอม ตันหอม กุ่ยช่าย รวมไปถึงใบยาสูบและของมึนเมาต่างๆ เนื่องจากผักดังกล่าวมีรสหนักและมีกลิ่นเหม็นคาวรุนแรง
  4. ไม่ใช้จานชามปนกัน
  5. งดดื่มสุราของมึนเมาทุกชนิด

ประโยชน์ของการกินเจ

  1. เป็นการล้างสารพิษในร่างกาย ระบบขับถ่ายและระบบย่อยทำงานได้เป็นปกติ
  2. ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณสดใส
  3. จิตใจเมตตา เกิดความสงบสุข
  4. หยุดการสร้างบาป เวรกรรม

การกินเจกับเด็กแต่ละช่วงอายุ

  • เด็กทารก – 5 ปี

ร่างกายต้องการสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโต แนะนำว่าสามารถทานได้ แต่ไม่ควรเคร่งครัดมาก อนุโลมให้ทานไข่และนมร่วมด้วยได้

  • เด็กอายุ 6 – 13 ปี

ทานได้ แต่ต้องมีการเสริมโปรตีนเกษตรในปริมาณที่เหมาะสม

  • เด็กอายุ 14 ปี ขึ้นไป

สามารถทานได้เหมือนผู้ใหญ่ปกติ

เมนูเจสำหรับเด็ก

  • เต้าหู้ทอด
  • ผัดผักรวม
  • ผัดหมี่เจ

 

Writer Profile : blahblahboong

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



รวม 5 เนอสเซอรี่เด็กในกรุงเทพ
เด็กวัยแรกเกิด
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save