fbpx

Night Terror ทำยังไงดีถ้าลูกน้อยกรี๊ดกลางดึก

: 13 พฤษภาคม 2563

Night Terrors หรืออาการร้องตกใจตอนกลางคืน ใกล้เคียงกับการละเมอ ซึ่งมักพบได้ในเด็กวัย 2 – 6 ปี แต่ก็เป็นปกติที่เด็กเล็กหรือทารกก็สามารถมีอาการแบบนี้ได้เช่นกัน แต่อาการ Night Terrors นั้นจะไม่เหมือนฝันร้าย เพราะอาการของ Night Terrors จะไม่ทิ้งความทรงจำเหมือนการฝัน และต่อให้เหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะตื่นนั้น ที่จริงแล้วเขากำลังหลับอยู่ค่ะ

แน่นอนว่า Night Terrors นั้นเป็นอาการที่น่ากังวงสำหรับพ่อแม่ทั้งหลาย ถึงจะไม่ใช่อาการที่น่าเป็นห่วงนัก และสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่าสุขภาพการนอนของเจ้าตัวเล็กเป็นอย่างไรบ้าง เพราะฉะนั้นเราไปดูกันเลยค่ะ

อาการของ Night Terrors

Night Terrors นั้นนับเป็นความผิดปกติด้านการนอนรูปแบบหนึ่ง ซึ่งคล้ายกับการละเมอ และอาการของลูกน้อยที่บ่งบอกได้ว่าเขากำลังเจอ Night Terrors อยู่มีดังนี้ค่ะ:

  • จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังหลับ
  • ลืมตาจ้องอะไรบางอย่าง
  • สะดุ้งตื่น
  • กรีดร้องหรือส่งเสียงทรมาน
  • เหงื่อออกมาก หายใจแรง
  • ดิ้นไปมา
  • แสดงอารมณ์หวาดกลัว ปลอบไม่หาย

ซึ่งอาการของ Night Terrors นั้นสามารถทุเลาลงได้ภายในไม่กี่นาทีหรือมากกว่านั้นค่ะ

 

ทำไมถึงมี Night Terrors?

ปกติแล้วคนเราจะจำความฝันได้ในช่วง REM เท่านั้น แต่อาการ Night Terrors มักจะเกิดขึ้นนอกเหนือจากช่วง REM จึงไม่นับว่าเป็นฝัน และเจ้าตัวน้อยจะจำอะไรไม่ได้ค่ะ และช่วงเวลานอกเหนือจาก REM มักเกิดขึ้นหลังจากหลับไปได้ 2 – 3 ชั่วโมง

ถึงแม้จะไม่มีสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิด Night Terrors แต่ปัจจัยที่คาดว่าทำให้เกิดความเสี่ยงมีดังนี้ค่ะ:

  • อ่อนเพลีย หรือนอนน้อยไป
  • ความเครียด
  • กิจวัตรหรือตารางเวลาที่เปลี่ยนไป (ระหว่างไปเที่ยว หรือการเปลี่ยนกิจวัตรประจำวัน)
  • ไม่สบาย ป่วยไข้
  • หยุดหายใจหรือหายใจผิดปกติระหว่างการนอนหลับ

 

ป้องกัน Night Terrors อย่างไรได้บ้าง

สิ่งแรกที่สำคัญมากสำหรับการปลอบเจ้าตัวน้อยจาก Night Terrors คืออย่าปลุกเขาค่ะ เพราะจะปลุกยากมาก และถ้าหากตื่นก็จะกล่อมเขาเข้านอนได้ยากยิ่งกว่าเดิมเช่นกัน แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่ลูบเขาเบา ๆ หรือยกขึ้นมาอุ้มไว้ กระซิบปลอบให้เขารู้สึกปลอดภัยจนกว่าเขาจะนิ่งหลับไปค่ะ

แต่อาการ Night Terrors ก็ไม่มีทางแก้ที่แน่ชัดเช่นเดียวกับสาเหตุ แต่เราสามารถลดความเสี่ยงของ Night Terrors ได้ตามนี้ค่ะ:

  • ปฏิบัติกิจวัตรก่อนนอนอย่างเคร่งครัด
  • ให้เจ้าตัวน้อยเข้านอนตามเวลาปกติ อย่าให้นอนดึกจนเกินไป
  • พยายามไม่ให้เจ้าตัวน้อยอ่อนเพลียจนเกินไป
  • ทำกิจกรรมคลายเครียดก่อนนอน
  • ถ้าหากอยู่ในระหว่างการท่องเที่ยว พยายามปฎิบัติตามกิจวัตรก่อนนอนให้คล้ายคลึงกับตอนอยู่ที่บ้านที่สุดค่ะ

ถึงอาการ Night Terrors จะเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในเด็กเล็กอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอาการเหล่านี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งและนาน (เกิน 30 นาทีต่อครั้ง) เกินจนทำให้เวลานอนของเจ้าตัวเล็กมีปัญหา คุณพ่อคุณแม่ควรไปปรึกษากุมารแพทย์นะคะ และแนะนำให้จดบันทึกการนอนของเจ้าตัวเล็กไว้ เพื่อดูแพทเทิร์นในการนอนของเขา เพื่อจะได้ไปปรึกษาแพทย์ได้ชัดเจนค่ะ

Writer Profile : phanthirapuyou

  • Blog :
  • Social Media :

  • Official Sponsors :
  • Samitivej Hospital

Generic placeholder image

บทความที่เกี่ยวข้อง



ชีวิตครอบครัว ชีวิตครอบครัว
3 มกราคม 2563
Update
Banner Banner
เมื่อคุณแม่หลายท่านเป็นกังวลกับเรื่องพัฒนาการสมองและภูมิคุ้มกันที่แตกต่างกันของลูกน้อยที่ผ่าคลอดกับเด็กคลอดธรรมชาติ กลัวว่าลูกน้อยจะมีโอกาสป่วยง่ายหรือมีพัฒนาการสมองช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้คุณแม่ต้องใส่ใจกับการดูแลลูกน้อยมากยิ่งขึ้น เสมือนการเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยเติบโตพร้อมปรับตัวกับโลกยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง วันนี้เราจะพาไปดูเคล็ดไม่ลับ ฉบับการดูแลพัฒนาการสมองของลูกน้อยและภูมิคุ้มกันของเด็กผ่าคลอดที่คุณแม่ไม่ควรมองข้าม ช่วยเติมเต็มในสิ่งที่ลูกผ่าคลอดต้องการได้ ไปดูกันเลย! เกราะคุ้มกันแรกที่หายไปของเด็กผ่าคลอด เด็กผ่าคลอดมักจะป่วยง่ายหรือมีปัญหาสุขภาพมากกว่าเด็กที่คลอดโดยธรรมชาติ เพราะสูญเสียโอกาสในการได้รับเชื้อจุลินทรีย์สุขภาพ ผ่านทางบริเวณช่องคลอดของคุณแม่ ทำให้เกราะคุ้มกันแรกเกิดของลูกน้อยผ่าคลอดหายไปส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการทางระบบภูมิคุ้มกันตั้งต้นช้ากว่าเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันตั้งต้น โดยเฉพาะระบบภูมิคุ้มกันในระบบทางเดินอาหาร คุณแม่จึงต้องเร่งเสริมสร้างเกราะคุ้มกันให้ลูกน้อยมีพื้นฐานที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อช่วยให้ลูกน้อยของเรามีมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น เสริมสร้างพัฒนาการด้านสมองของเด็กผ่าคลอดด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” คือสารอาหารที่พบมากในนมแม่ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การทำงานสมองของลูกน้อยมีประสิทธิภาพ สร้างสมองไวกว่าเดิม เชื่อมต่อเซลล์สมอง 1 แสนล้านเซล์ อัพเกรดเด็กเจนใหม่ โดยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง และเพิ่มความเร็วการส่งสัญญาณประสาทแบบก้าวกระโดด “สฟิงโกไมอีลิน” คือ ไขมันกลุ่มฟอสโฟไลปิด พบได้มากในน้ำนมแม่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารกว่า 200 ชนิด ซึ่ง “สฟิงโกไมอีลิน”เป็นองค์ประกอบในการสร้างปลอกไมอีลิน ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองให้ส่งสัญญาณประสาทได้ไวและประมวลผลอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการจดจำเร็ว เรียนรู้ไว สมองของเด็กผ่าคลอดและเด็กที่คลอดตามธรรมชาติ มีการสร้างไมอีลินในสมองแตกต่างกัน โดยเฉพาะที่ส่วนของสมอง ที่ทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างสมองซีกซ้ายและซีกขวา คุณแม่จึงควรคำนึงถึงจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง ของเด็กผ่าคลอดเจนใหม่ ด้วยการเตรียมสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีด้วย “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” และ บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) จากนมแม่ให้ลูกน้อยยิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี เพราะพัฒนาการสมองที่ดีในวัยเด็ก ถือเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น การได้ยิน หรือการเรียนรู้ภาษาสิ่งเหล่านี้ล้วนเกิดจากพัฒนาการของสมองเพราะสมองคือจุดเริ่มต้น ของทุกพัฒนาการของลูกน้อย เตรียมพร้อมเด็กผ่าคลอดให้มีสมองไวและภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นได้ คุณแม่สามารถเติมเต็มในสิ่งที่ลูกน้อยผ่าคลอดต้องการได้ด้วยสารอาหารที่สำคัญอย่างเช่น “แอลฟาแล็ค สฟิงโกไมอีลิน” ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการส่งสัญญาณประสาทได้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และโพรไบโอติก บิฟิโดแบคทีเรียม แล็กทิส (B. lactis) ตัวช่วยที่ทำให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันสุขภาพที่ดี ดังนั้นคุณแม่ก็วางใจได้ หากเราเสริมสร้าง…
3 กันยายน 2568

anal porno zdarma culi nudi al mare free sex videos antalya escort

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save